คืบหน้า‘DSI’จับท้าวแชร์
ขยายผลโยงแก๊งเจ้ารัฐมอญเก๊
“ดีเอสไอ” ขยายผลทะลายเครือข่ายแก๊งต้มตุ๋นเจ้ามอญปลอม ขบวนการแอบแฝงนำแผนธุรกิจเครือข่ายขายตรงไปใช้ผิดเพี้ยน จับท้าว “แชร์ความตาย” โครงการฌาปนกิจสงเคราะห์ นสพ.ตำรวจพลเมือง “1 ชีวิต 1 ล้าน” บก.ใหญ่ “ทรัพย์อานันท์ เจริญวัฒนอุดม” ตั้งข้อหา “ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ด้านผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ ศาลให้ประกันตัว ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ
คดีแก๊งต้มตุ๋นเจ้ารัฐมอญปลอม หลอกคนไทยลงทุนในพม่าเสียหายกว่า 300 ล้านบาท ถูกขยายผลหลังเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ทำการสอบสวน พบว่า มีเครือข่ายโยงใยเกี่ยวพันกับ เจ้าของและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง นายทรัพย์อานันท์ เจริญวัฒนอุดม ซึ่งกำลังถูกติดตามคดี ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ในคดีโครงการฌาปนกิจหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง “1 ชีวิต 1 ล้าน” ล่าสุด ศาลได้ออกหมายจับและเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้ทำการจับกุมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา
หลังจากเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานได้ผสานกำลังเข้าตรวจค้น และจับกุมแก๊งต้มตุ๋นเจ้ามอญปลอม สร้างเรื่องเท็จหลอกนักธุรกิจไทย ว่า มีการร่วมลงทุนที่รัฐมอญ ในประเทศเมียนมาจำนวน 78 โครงการ ทำให้มีนักธุรกิจกว่า 100 บริษัทหลงเชื่อสร้างความเสียหายมูลค่า 300 ล้านบาท
โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้สักทอดว่า เงินส่วนหนึ่งของผู้เสียหายได้มอบให้มูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ พร้อมด้วยกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ผสานกำลังเจ้าหน้าที่และทหารร่วมตรวจค้น สาขาหนึ่งของ มูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งอยู่ เลขที่ 91/267 โครงการอาร์เค ออฟฟิศ ปาร์ค ถนนสุวินทวงศ์ แขวงและเขตมีนบุรี กรุงเทพ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ที่แปลงโฉมเป็นสถานที่รับบริจาค และเป็นที่ตั้งของสมาคมบรรเทาสาธารณภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี นายทรัพย์อานันท์ เจริญวัฒอุดม เป็นเจ้าของ ที่สำคัญเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เคยบุกค้นบ้านมาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์หลอกลวงชาวบ้านให้เข้ามาเล่นแชร์ฌาปนกิจสงเคราะห์ หรือ “แชร์ความตาย” อย่างไรก็ตาม สำหรับคดีลวงโลกเจ้ารัฐมอญปลอม ที่มีความเชื่อมโยงกับ นสพ.ตำรวจพลเมือง นั้นยังมีนักข่าวท้องถิ่นคนหนึ่งเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางด้านนายทรัพย์อานันท์ ก็ได้เคลื่อนไหวต่อประเด็นที่เกิดขึ้น โดยได้โพสต์ข้อความ ในเฟซบุ๊กของตนเอง “บก.ทรัพย์อานันท์ เจริญวัฒนอุดม” เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมาว่า “12 ต.ค. นสพ.ตำรวจพลเมือง นำโดยบรรณาธิการ ทรัพย์อานันท์ เจริญวัฒนอุดม และทีมงาน ได้รวบรวมหลักฐานไปแจ้งความดำเนินคดีกล่าวโทษผู้แอบอ้างเป็นบรรณาธิการของ นสพ.ตำรวจพลเมืองและสื่อที่ลงข่าว ที่ไม่เป็นความจริง ทำให้ นสพ.ตำรวจพลเมืองได้รับความเสื่อมเสีย เป็นที่เกลียดชัง ดูหมิ่นเหยียดหยาม จึงมาแจ้งความให้ดำเนินคดีกับบุคคลเหล่านี้ให้ถึงที่สุด และบุคคลต่าง ๆ ที่พยายามเอา นสพ.ตำรวจพลเมือง ไปโยงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน มูลนิธิอาสาบรรเทาภัย เรากำลังรวบรวมหลักฐาน ดำเนินการฟ้องให้ถึงที่สุด"
แต่อีกด้านหนึ่ง ดีเอสไอ กลับนำกำลังบุกจับ นายทรัพย์อานันท์ เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา โดยรายงานข่าวจาก ดีเอสไอ แจ้งว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี ดีเอสไอ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ เร่งรัดการปราบปรามการกระทำผิดแชร์ลูกโซ่ โดยเฉพาะการดำเนินการต่อตัวการสำคัญในขบวนการกระทำผิด ก่อนให้ นายปิยะศิริ วัฒนวรางกุร รอง ผอ.กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินการเข้าจับกุมบุคคลตามหมายจับ 1 ราย คือ นายทรัพย์อานันท์ เจริญวัฒนอุดม บรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ตามหมายจับของศาลอาญา ที่ 2344/2560 ลงวันที่ 17 ต.ค. 2560
สืบเนื่องจากการสอบสวนในคดีพิเศษที่ 138/2558 กรณีหนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ชักชวนให้บุคคลทั่วไปสมัครเข้าร่วมหลายโครงการ โดยมีการเสนอให้ผลตอบแทนกับผู้สมัครสมาชิกว่า หากสมาชิกเสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือซึ่งแก่ทางญาติ และการชักชวนให้ผู้ใดเข้าร่วมโครงการจะได้รับผลตอบแทนในการชักชวนต่อหัว อันเข้าลักษณะของการชี้ชวนให้มีการระดมเงินแล้วมีการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ชักชวน
โดยการนำเงินที่ได้รับมาจากสมาชิกที่สมัครมาจ่ายผลตอบแทน อันเข้าข่ายความผิดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และฝ่าฝืน พ.ร.บ.การฌาปนกิจสงเคราะห์ พ.ศ. 2547 ซึ่งห้ามมิให้ผู้ใดชักชวนหรือชี้ช่องหรือจัดการให้ผู้อื่นเข้าเป็นสมาชิกในสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ โดยได้รับผลประโยชน์ตอบแทนเป็นเงินหรือเป็นทรัพย์สินอื่นไม่ว่าจะเป็นสินจ้างหรือค่าใช้จ่ายในการชักชวน ชี้ช่อง หรือจัดการนั้น ซึ่งมีผู้เสียหายกว่า 3,000 ราย และมีความเสียหายประมาณ 150 ล้านบาท นอกจากนี้ ดีเอสไอได้พบข้อมูลว่า ผู้ต้องหาตามหมายจับดังกล่าวอาจมีความเกี่ยวข้องกับของมูลนิธิอาสาบรรเทาภัย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ ดีเอสไอ และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เข้าตรวจค้นก่อนหน้านี้ ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ดำเนินการสอบสวนเพื่อขยายผลต่อไป
หลังจากนั้นในวันที่ 19 ตุลาคม 2560 เจ้าหน้าที่ ดีเอสไอ ก็ได้ควบคุมตัวนายทรัพย์อานันท์ไปฝากขังที่ศาลอาญารัชดาภิเษก โดยคำร้องบรรยายว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์กล่าว คือ ผู้ต้องหาในนาม หนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ได้ร่วมกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ พลังเครือข่ายประชาชน ตั้งโครงการชื่อ “1 ชีวิต 1 ล้าน” แล้วสมาคมดังกล่าวได้มอบหมายให้ หนังสือพิมพ์ตำรวจพลเมือง ระดมหาสมาชิกโดยโฆษณาต่อประชาชน ให้เข้าสมัครเป็นสมาชิกในโครงการ โดยเสนอจ่ายผลตอบแทนให้ญาติสมาชิกที่เสียชีวิตผ่านสมาคมฯ มุงเจตนาชักชวนประชาชนเข้าเป็นสมาชิก ซึ่งค่าสมัครแยกเป็น ค่าสมาชิกหนังสือพิมพ์ดังกล่าว กับ ค่าสมัครรวมทั้งค่าสงเคราะห์ล่วงหน้า พร้อมค่าบำรุงรายปี เข้าสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ ซึ่งเป็นการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ฌาปนกิจ ที่ห้ามไม่ให้ผู้ใดชักชวนหรือชี้ช่องหรือให้ผู้อื่นเข้าเป็นสมาชิกโดยให้ผลตอบแทนเป็นเงินหรือทรัพย์สินอื่น
ทั้งนี้ ในการชักชวนดังกล่าวระบุว่า หากสมาชิกสมัครเป็นผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานหนังสือพิมพ์ โดยมีหน้าที่ประชาสัมพันธ์โครงการ 1 ชีวิต 1 ล้าน ของหนังสือพิมพ์ที่มีผู้ต้องหาเป็นบรรณาธิการใหญ่ โดยการสมัครเป็น ผู้อำนวยการดังกล่าว ต้องเสียค่าสมัครเป็นเงิน 21,500 บาท แล้วจะมีสิทธิ์ไปรับสมัครสมาชิกต่อและเมื่อมีคนสมัครสมาชิกเข้ามาใหม่คนที่ชักชวน จะได้รับค่าตอบแทนจากค่าสมาชิกเป็น 6 ชั้นลำดับ เริ่มต้นจากลำดับที่ 6 ได้รับ 10 บาทต่อคน แต่ถ้าเป็นการสมัครผู้อำนวยการ ผู้ชักชวนจะได้รับเงินจากค่าสมัครสมาชิกจำนวน 3 ชั้น ตั้งแต่ 1,000 - 2,000 บาท ต่อคน
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ต้องหามีลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ ด้วยการเปิดโรงแรมระดับ 3 ดาว ย่านอยุธยา สิงห์บุรี กรุงเทพฯ โดยผู้ต้องหาได้ขึ้นเวทีบรรยายประกอบฉลายสไลด์ ชักชวนให้เข้าเป็นสมาชิก และเสนอให้ผลตอบแทนแก่สมาชิก ทำให้ประชาชนหลงเชื่อกว่า 1,000 คน แต่เมื่อสมาชิกเสียชีวิต ทายาทของสมาชิกดังกล่าวยังไม่มีใครเคยได้รับเงินสงเคราะห์ตามที่ถูกชักชวน ทำให้เกิดความเสียหายทั้งสิ้นจำนวน 150 ล้านบาท ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น ผู้ต้องหาได้อวดอ้างแสดงตนให้ผู้พบเห็นเข้าใจว่า ตนเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
และขณะถูกสอบสวนผู้ต้องหายังคงดำเนินการชักชวนประชาชนให้สมัครสมาชิกลงเงินสมัครสมาชิกโดยกล่าวอ้างว่าตนเอง มีศักยภาพในการยุติคดีที่พนักงานสอบสวน ดีเอสไอ สอบสวนอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้ได้จำนวนสมาชิกและร่วมกันจ่ายเงินเดือนในการรักษาสภาพสมาชิก ซึ่งผู้ต้องหาถูกจับได้ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่งย่านถนนแจ้งวัฒนะ ในชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
คดีนี้ยังสอบสวนไม่เสร็จสิ้น ยังต้องสอบพยานอีก 300 ปาก และรอผลการสอบสวนขยายผล จึงขอฝากขังเป็นเวลา 2 วัน ตั้งแต่วันที่ 19 - 30 ตุลาคม 2560 และเนื่องจากพฤติกรรมผู้ต้องหาที่กล่าวอ้างว่า เป็นตำรวจชั้นผู้ใหญ่ อีกทั้งในระหว่างที่สอบสวนผู้ต้องหาได้มีการชักชวนสมาชิกและให้ลงเงินในการสมัครสมาชิกอีก และกล่าวอ้างว่ามีความสามารถในการหยุดคดีนี้ได้ ดังนั้น หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวผู้ต้องหาอาจหลบหนีหรือยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงขอคัดค้านการประกันตัว
ศาลได้พิจารณาคำร้องและถามผู้ต้องหา ว่า จะคัดค้านการฝากขังหรือไม่ผู้ต้องหาทราบแล้วไม่คัดค้าน ศาลจึงอนุญาตให้ฝากขังตามคำขอ และออกหมายขังส่งตัวไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ต่อมาญาติผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินในกรุงเทพฯ และจังหวัดชัยภูมิรวม 4 โฉนด ราคาประมาณ 2.5 ล้านบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลพิเคราะห์คำร้องแล้ว อนุญาตให้ประกันปล่อยตัวชั่วคราว นายทรัพย์อานันท์ โดยตีราคาประกัน 2.5 ล้านบาท และห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล