‘กิฟฟารีน’บุกโครงสุดท้าย
ปั้นสินค้าใหม่Red Orangขึ้นชั้น
“กิฟฟารีน” บุกตลาดโครงสุดท้าย ลุยปั้นสินค้าใหม่ โฟกัสผลิตภัณฑ์ “กิฟฟารีน เรด ออเรนจ์ คอมเพล็กซ์” ชูจุดเด่น “ผิวขาวเนียนในอย่างมีออร่า” ขึ้นชั้นแบรนด์ดัง มั่นใจปัจจัยบวกมากกว่าลบ อัดเทรนนิ่งสินค้าใหม่นักธุรกิจเข้มข้นทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ ไม่หวั่นสภาวะการแข่งขันรุนแรง เผยปีหน้าปล่อยสินค้าเสริมอาหารเด็ดอีก 2 - 3 รายการ พร้อมเปิดตลาดใหม่ เวียดนาม
นายพงศ์พสุ อุณาพรหม ผู้อำนวยการใหญ่สายงานการตลาด บริษัท กิฟฟารีน สกายไลน์ ยูนิตี้ เปิดเผยถึงผลประกอบการ 3 ไตรมาสที่ผ่านมาว่า มียอดขายประมาณ 4,000 ล้านบาท เท่ากับปีที่แล้ว ส่วนยอดขายปี 2560 คาดว่าจะทะลุ 5,000 ล้านบาท จากปีที่แล้ว 2559 ปิดยอดขายที่ 5001 ล้านบาท โดยต้องลุ้นยอดขายใน 2 เดือนสุดท้ายนี้ คาดว่าจะมีปัจจัยบวกมากกว่าปัจจัยลบ เนื่องจากหลาย ๆ ธุรกิจจะจัดกิจกรรมทางการตลาดกันมากขึ้น จะทำให้บรรยากาศการซื้อขายจะคึกคัก สภาพคล่องทางการเงินจะค่อย ๆ ฟื้นตัวกลับมา
“ 2 เดือนสุดท้าย กิฟฟารีน จะมีการจัดกิจกรรมต้นรับปีใหม่ ก็จะจัดโปรโมทสินค้าในกลุ่มเทศกาลปีใหม่ ซึ่งบริษัทจะจัดเทรนนิ่งนักธุรกิจทั้งในระบบออฟไลน์และออนไลน์ให้เข้มข้นมากขึ้น ซึ่งเพิ่งเปิดตัวสินค้าใหม่ไป 10 รายการ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สินค้าหลาย ๆ ตัวเริ่มติดตลาดแล้ว กิฟฟารีน ก็จะเน้นหนักในการเทรนนิ่งสินค้าใหม่ในช่วงปลายปี โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ กิฟฟารีน เรด ออเรนจ์ คอมเพล็กซ์ เราจะโฟกัสเป็นพิเศษ เพื่อปั้นให้เป็นแบรนด์ชั้นนำในตลาด หลังเปิดตลาดมาได้เพียงแค่ 2 เดือนก็มียอดขายถึง 10 ล้านบาทแล้ว”
ทั้งนี้ สภาวะการแข่งขันทางการตลาดในปีนี้มีความเข้มข้นสูง ทั้งการให้บริการ ช่องทางการจัดจำหน่าย และผลิตภัณฑ์ เป็นสิ่งที่ต้องทำการพัฒนาให้ทันกับการแข่งขัน ซึ่งผู้ประกอบการขายตรงเองในปีนี้ทำงานกันหนักมาก เพราะว่าในยุคปัจจุบันนี้ ธุรกิจค้าปลีกก็มีบริการส่งสินค้าและดูแลลูกค้าถึงบ้านแล้วเช่นกัน จากอดีตที่จะเห็นว่ามีเฉพาะธุรกิจขายตรงเท่านั้นที่มีการให้บริการและดูแลลูกค้าถึงบ้าน ในขณะเดียวกันผู้ประกอบการขายตรงก็ได้พัฒนาช่องทางการให้บริการนักธุรกิจอิสระให้มีความสะดวกสบายในการจำหน่ายสินค้ามากขึ้น จากเดิมต้องมาเบิกสินค้าที่สำนักงานอย่างเดียว ปัจจุบันก็มีบริการทั้งออฟไลน์ ออนไลน์ นักธุรกิจหรือลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์บริษัทก็จัดส่งให้ถึงบ้าน รวมไปถึงการเทรนนิ่งนักธุรกิจจากเดิมต้องมาพบหน้ากัน แต่ปัจจุบันสามารถเทรนนิ่งผ่านระบบออนไลน์ก็ได้ความรู้ได้ข้อมูลช่วยประหยัดเวลาได้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันยอดการสั่งซื้อสินค้าของ กิฟฟารีน ทางระบบออฟไลน์อยู่ที่ 90% ออนไลน์ 10% แต่คาดว่าในปีหน้า 2561 ระบบออนไลน์จะขยับขึ้นมาอีก 10% เป็น 20%
สำหรับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่ายอดขายจะอยู่ในสภาวะทรงตัว ก็คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยปีนี้มีส่วนแบ่งการขายอยู่ที่ 30% สกินแคร์และคอสเมติคส์ 40% ผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน 20% ส่วนที่เหลือเป็นสินค้าอื่น ๆ ซึ่งในปีหน้าคาดว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีกมีสัดส่วนเป็น 35% ส่วนสินค้าที่มีอัตราการชะลอตัวจะเป็นสินค้าประเภทไม่มีความจำเป็นมากนัก เช่น ในกลุ่มขิงเครื่องหอม
“ปีหน้าเรายังคงเน้นบุกตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ซึ่งขณะนี้กำลังทำการวิจัยสินค้าใหม่อยู่ 2 - 3 ตัว ซึ่งจะมีความแตกต่างจากสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่ เพื่อนำออกมาสู่ตลาดในปีหน้า เตรียมต้อนรับกับบรรยากาศกำลังซื้อกลับมา เพราะเราคิดว่า ปีหน้าต้องดีกว่าปีนี้แน่นอน เนื่องจากมีปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่บ่งชี้ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศที่จะมีการลงทุนมากขึ้น ถ้าดูโดยรวมเพราะประเทศไทยมีการกำหนดการเลือกตั้งในปีหน้าเงินก็จะสะพัดมากขึ้น ในแง่ของเรื่องอุทกภัย ซึ่งประเทศไทยประสบปัญหามาตั้งแต่ปีที่แล้ว และปีนี้ ก็เชื่อว่าระดับความรุนแรงจะเท่า ๆ กัน เท่ากับว่าผู้ประกอบการเจอมาถึง 2 ปีแล้ว ก็น่าจะเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ดีขึ้น”