ถ้าพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยแน่นอนว่าทุกจังหวัดมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจรอให้นักเดินทางทั้งหลายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้ไปเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆตามไลฟ์สไตล์ความชอบของแต่ละคน และอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ควรพลาด หลายคนคงต้องมีตัวเลือกคือ หัวหิน-ชะอำ กันอย่างแน่นอน ด้วยระยะทางที่ไม่ห่างไกลจากกรุงเทพฯมากนัก เดินทางสะดวกสบาย ที่สำคัญมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายให้ได้แพ็คกระเป๋าเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจ หนีความวุ่นวายในตัวเมืองที่แสนจะเร่งรีบในแต่ละวัน เราจะแวะเวียนมาที่เวเนเซีย แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อในหัวหิน-ชะอำ เพราะที่นี้เค้ามีสถาปัตยกรรมที่ดึงดูดเป็นอย่างมาก เอาเป็นว่างานนี้ไม่ต้องบินไปไกลถึงอิตาลี มาที่เวเนเซียก็เหมือนได้ท่องเที่ยวเมืองเวนิสแบบสบายๆกระเป๋า ด้วยบรรยากาศที่ดูโรแมนติก สวยงามด้วยสถาปัตยกรรม จึงไม่แปลกที่เวเนเซียจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนไปชมความสวยงามของสถานที่แห่งนี้ ล่าสุด เราจะได้พบกับรูปโฉมใหม่ของเวเนเซีย ต้องบอกเลยล่ะค่ะว่า ไม่ธรรมดา นอกจากการท่องเที่ยวมาเพื่อที่จะถ่ายรูปแล้ว ในอนาคตเวเนเซียจะเป็นมากกว่านั้น กับอีกหนึ่งโปรเจคที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ความเป็นไทย สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเรียนรู้ในเรื่องศิลปวัฒนธรรมไทยให้คนทั่วโลกได้เรียนรู้ ศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของไทย เรียกได้ว่าเพิ่มมูลค่าให้กับการท่องเที่ยวของไทย อย่างยั่งยืน สำหรับโปรเจคนี้เวเนเซียจะมีการปรับปรุงขยายพื้นที่ อย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมีนาคม นี้เป็นต้นไป แอบรู้มาว่าทุ่มงบสูงถึง 50 ล้านบาท ในการเนรมิตพื้นที่ 70000 ตารางเมตร ในการทำให้เวเนเซียเป็นศูนย์รวมการเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมอย่างครบวงจร ซึ่งจะแบ่งพื้นที่บางส่วนเพื่อดำเนินการ โดยคุณสุทัศษา เหล่าหงษ์เกียรติ ประธานกรรมการบริหาร เดอะเวเนเซีย หัวหิน และ นายกสมาคมการตลาดท่องเที่ยวไทย เปิดเผยให้ฟังว่า....
คุณสุทัศษา เหล่าหงษ์เกียรติ
“เดอะเวเนเซีย หัวหิน แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นศูนย์กลางของการจัดเลี้ยง สัมมนา ในรูปแบบที่สะท้อนถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทั้งเอเชียและตะวันตก โดยภาพลักษณ์อาจจะดูเป็นตะวันตกเป็นการจำลองเมืองเวนิสมา เพราะว่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ที่ทรงเสด็จประพาสในต่างประเทศก็เลยทำให้เกิดความสัมพันธ์ระหว่างประเทศขึ้นมา เราก็เลยเห็นว่าที่หัวหิน-ชะอำเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน เราจะเห็นว่าที่เพชรบุรีจะเป็นเมืองสามวัง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 รัชกาลที่5 และ รัชกาลที่6 และยังมีวัดที่มีศิลปะที่มีความเฉพาะตัว ซึ่งบางวัดก็ย้ายมาจากอยุธยา ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้มันสะท้อนความเป็นไทย มีทั้งเรื่องผ้าไทย อาหารไทย ขนมหวานไทย ในขณะที่เราเองต้องการให้ เดอะเวเนเซีย เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวที่สะท้อนถึงเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศิลปวัฒนธรรมที่เป็นการแสดง ศิลปวัฒนธรรมในเรื่องของอาหาร หรือว่าเรื่องของผ้าไทย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ยังไม่มีศูนย์รวมที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถรวมเอาเรื่องราวของการท่องเที่ยว จัดเลี้ยง และสัมมนา ที่สามารถรวมให้เป็นแหล่งการเรียนรู้ในเรื่องของศิลปวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงระหว่างประเทศไทย และ นานาประเทศทั่วโลก”
เรียกได้ว่าเวเนเซียก็เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ชาวต่างชาติอยากเรียนรู้ความเป็นไทยก็สามารถมาที่นี้ได้?
“อันนี้เป็นโปรเจคที่เราจะทำในปีนี้ ที่เราคาดว่าจะเริ่มสตาร์ทได้ตั้งแต่ประมาณเดือนมีนาคมเป็นต้นไป ก็จะเริ่มเห็น ส่วนตอนนี้ที่เราได้ประสานงานติดต่อแล้วก็จะมีในเรื่องของ โขนไทย ศิลปะการต่อสู้ เช่น มวยไชยา หรือว่าอื่นๆ”
ถ้านึกถึงเวเนเซียหลายคนมองว่าเป็นสถานที่ที่ถ่ายรูปสวย?
“ตรงนั้นมันเป็นส่วนที่ดึงดูดผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่ตรงนี้ให้มากขึ้น เดิมทีชะอำจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติทะเลแล้วก็ในเรื่องของวัด วัง ต่างๆ แต่ว่าในเรื่องของการที่เราจะทำให้ผู้คนมีความหลากหลายในการมาท่องเที่ยว เรารู้อยู่แล้วว่าประเทศไทยเป็นเมืองอันดับต้นๆของโลกในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้ เราก็เลยจำลองเมืองเวนิส มาไว้ที่นี่ แต่ว่าเพื่อให้มันมีการรักษาซึ่งศิลปวัฒนธรรมเดิมๆและก็เป็นที่สนใจของชาวต่างชาติอยู่แล้วเราก็เลยจะเอาเรื่องของศิลปวัฒนธรรมไทย อาหารไทย เข้ามาเพราะว่าการที่เราจะให้เค้ามาท่องเที่ยวแล้วซึมซับ มันไม่ใช่แค่การมาถ่ายรูปแต่แน่นอนว่าเราไม่ได้ดึงดูดแค่นักท่องเที่ยวตะวันตกที่สนใจความเป็นไทยอย่างเดียว ในเวเนเซียมีการผสมผสานภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนเวนิสตะวันตก แต่ว่าเรามี Activity ที่มีความเป็นไทย เช่น การทำอาหารไทย การเรียนรู้ศิลปะไทย เช่น การนวดแผนไทย การเรียนรู้เรื่องศิลปะการแสดงไทย เช่น โขน หรือศิลปะการต่อสู้ การป้องกันตัว แล้วให้เค้ามีส่วนร่วม เรียนรู้ เทกคอร์ส ซึ่งจะทำให้เพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยวมากขึ้นเพราะว่าที่ผ่านมาเราพูดถึงในเรื่องจำนวนนักท่องเที่ยว ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาหลายล้านคนต่อปี จริงๆปีที่ผ่านมาภาครัฐหรือเอกชนจ่ายต่อวันต่อหัวให้สูงขึ้น ฉะนั้นวิธีการก็คือทำให้เค้าใช้เวลาและก็ซึมซับในเรื่องของกิจกรรมเหล่านี้ เพราะว่ามันเป็นกิจกรรมที่เค้าไม่สามารถไปหาที่อื่นได้ เวลาเราหาของที่อื่นไม่ได้ เราจึงจะยอมจ่าย”
ความคาดหวังกับโปรเจคนี้?
“อันแรกเลยเราได้สะท้อนและสร้างคุณค่าให้กับการท่องเที่ยวในประเทศไทยมากขึ้น โดยที่เราอาจจะเป็นจุดๆหนึ่งในประเทศไทย แต่ด้วยความที่หัวหิน-ชะอำ มันอยู่ตรงกลางของประเทศไทยก็จะสามารถทำให้ผู้คนเดินทางมาหาเราได้สะดวกมากขึ้น โดยปริมาณนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาที่หัวหิน-ชะอำ ก็มีมากขึ้น ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในเมืองไทยมากขึ้น อันนี้เรามองเป็นวัตถุประสงค์ที่หนึ่ง วัตถุประสงค์ที่สอง ก็คือเป็นการสะท้อนซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะอันนี้มันจะทำให้เกิดความยั่งยืนในการที่ประเทศไทยเองกับนานาประเทศมีความแน่นแฟ้นกัน เพราะว่าเราเองก็ไม่ได้ทิ้งของเค้า เราก็มีภาพลักษณ์ภายนอกที่ดูเป็นตะวันตก แต่ในขณะเดียวกันเราก็สะท้อนและรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมของประเทศไทย เพราะฉะนั้นมันจะดูกลมกลืนกัน ไม่แปลกแยก อย่างที่พูดไปแล้วว่าเราต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก บางเซ็กชั่นก็ทำการดึงดูดนักท่องเที่ยวแถบเอเชีย บางเซ็กชั่นก็ทำหน้าที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากแถบยุโรปและแน่นอนคนเอเชียด้วยกันอยากเห็นศิลปะมวยไทยไหม ก็อยากเห็น อยากเห็นศิลปะในการประกอบอาหารไทยไหม ก็อยากเห็น หรือว่านวดไทย ซึ่งเรามีชื่อเสียงอยู่แล้ว โดยเวเนเชียจะทำหน้าที่ส่งเสริมอัตลักษณ์ของประเทศไทยเพื่อให้เพิ่มมูลค่าในการท่องเที่ยวให้มากขึ้น”
ซิกเนเจอร์มีความโดดเด่นในเรื่อความเป็นเมืองเวนิสอยู่แล้ว?
“ใช่ค่ะอันนั้นเป็นรูปลักษณ์ภายนอกซึ่งอย่างที่บอกว่า วัด วัง ที่นั่นมีเยอะแล้วเพราะฉะนั้นเราควรจะไปช่วยเสริมให้พื้นที่ หัวหิน-ชะอำ มีความน่าสนใจมากขึ้น ถ้าเราทำภาพลักษณ์ภายนอกให้ดูเป็นไทย เราก็จะไปแย่งซีนกันเอง เราเติมเต็มในสิ่งที่พื้นที่เราขาดก็คือความเป็นตะวันตกที่ยังสะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างตะวันตกและตะวันออก ในกิจกรรมนั้นเราจึงเอาเรื่องของเอเชีย เรื่องของความเป็นไทยใส่เข้ามา ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นเทรนด์ระดับโลกอยู่แล้ว เพราะว่าวันนี้ใครๆก็พูดถึงเอเชียทั้งนั้น ในเอเชียไข่แดงก็คือประเทศไทย เพราะฉะนั้นการที่เรายกย่องและสนับสนุนในการเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมไทยมันเป็นการทำให้การท่องเที่ยวในประเทศไทยมันมีมูลค่ามากขึ้นและก็ทำให้เค้าอยากจะมาเที่ยวมากขึ้น เพราะว่ามันชัดเจนว่ามาที่นี้ มันต่างจากที่อื่น”
จะมีการประสานงานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้ช่วยประชาสัมพันธ์ไหม?
“เราก็มีการส่งข้อมูลเหล่านี้ไปยังททท.ไปยังสำนักงานต่างประเทศทั่วโลก เพื่อให้เค้าช่วยโปรโมทให้ แต่อีกส่วนหนึ่งเราก็ไปงานโรดโชว์ที่ททท.หรือว่าภาคเอกชนที่เค้าจะจัดในต่างประเทศ หรือบางส่วนเราก็ไปร่วมงานในประเทศไทยที่ต่างประเทศเค้าเข้ามาจัดงานที่บ้านเรา แต่ว่าสิ่งสำคัญก็คือในเรื่องของออนไลน์ ซึ่งเราก็ต้องใช้สื่อทางด้านโซเชี่ยลในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ข่าวสารเรามากขึ้น ที่จะช่วยส่งเสริมให้ต่างประเทศรู้ว่าวันนี้การมาเที่ยวที่ประเทศไทยไม่ใช่แค่การมาแวะถ่ายรูป หรือแค่กินอาหาร แต่วันนี้คุณจะได้รู้ว่าอาหารมันมีประวัติเป็นมาอย่างไร ทำไมต้มยำกุ้ง มันถึงได้เป็นอาหารที่ไม่ใช่แค่อร่อยแต่มันเหมือนกับว่าคุณได้ดูแลรักษาสุขภาพด้วยสมุนไพรไทย ซึ่งเราก็จะเชื่อมโยงเรื่องของสมุนไพรเหล่านี้ โดยเรามีเซ็กชั่นที่เป็นในเรื่องสมุนไพร ศูนย์การเรียนเรื่องเกี่ยวกับการนวด แล้วบรรดาสมุนไพรเหล่านั้นบางตัวมันก็มาเป็นคอสเมติค เราก็จะเชื่อมโยงว่าบ้านเราเป็นศูนย์ในเรื่องสุขภาพดีและความงาม ในส่วนของผ้าไทย เราจะไม่ได้ทำแบบเอาผ้าเป็นผืนมาวางแบบไทยจ๋า ด้วยความที่ตัวเราเองพื้นฐานธุรกิจเดิมเรามาในสายของเสื้อผ้าแฟชั่นอยู่แล้ว พอเรามาทำเรื่องท่องเที่ยวไปตามพื้นที่ในจังหวัด ชุมชนต่างๆเราก็เห็นว่าผ้าไทยมันไม่ค่อยมีคนจะทอแล้ว เพราะว่าลูกหลานเค้าไม่ทำ สาเหตุก็เพราะว่าสินค้าที่เค้าผลิตออกมามันขายไม่ค่อยได้ ไม่ได้ราคา ถ้าเราลองนึกดูน่ะ สมมติว่าจังหวัดนี้ผ้าที่เป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดก็เริ่มไม่ทำ ขนมไทยบางชื่อที่เราไม่ค่อยรู้จักชื่อก็เริ่มหายไป ศิลปะการแสดงบางอย่างก็เริ่มหายไป เพราะว่าทุกคนจะเอาความทันสมัยใส่เข้ามา ถามว่าเราจะต่างอะไรจากประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นการที่เวเนเซียเองทำหน้าที่ในการช่วยรักษาและส่งเสริมโดยผ่านการท่องเที่ยว มันไม่ใช่การเรียนรู้แบบน่าเบื่อ มันเหมือนเที่ยวไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย มันจะเป็นการซึมซับทำให้พวกเค้าเกิดความต้องการบริโภคในสินค้าที่เราอยากจะรักษาเอาไว้ ผ้าไทยเราก็นำมาผสมผสานทำให้มันดูมีความเป็นสากลมากขึ้น ในราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น รูปแบบที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง สมมติว่าเอามาผสมกับยีนส์ผ้าไทยก็ทำได้ พอผู้บริโภคยอมรับก็เริ่มเกิดความต้องการ ทางผู้ผลิตก็คือหมู่บ้านต่างๆเค้าก็จะสามารถยังคงรักษาการผลิตของเค้าได้”
สำหรับปีนี้มีการรุกตลาดมากขึ้นเพื่อให้คนรู้จักเวเนเซียใช่ไหม?
“ใช่ค่ะในภาพลักษณ์ที่ไม่ใช่แค่แหล่งท่องเที่ยวแต่เป็นศูนย์กลางในเรื่องการส่งเสริมในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของศิลปวัฒนธรรม การค้า การเรียนรู้ ถ้านับตั้งแต่เราเริ่มเปิดศูนย์เมื่อ 3 ปีที่แล้วจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นมา 50% อันนี้หมายถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ พื้นที่หัวหิน-ชะอำ แต่ก่อนนักท่องเที่ยวจะเป็นคนต่างชาติในแถบ สแกนดิเนเวีย ยุโรป รัสเซีย ซึ่งจำนวนยังไม่มาก เพราะว่าปริมาณของพวกเค้าทยอยลดลงด้วยสภาพเศรษฐกิจของโลก เมื่อสักสองปีที่แล้ว กลุ่มชาวจีน ชาวไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมทั้งแถบ AEC เค้าเริ่มเข้ามามากขึ้น แถบด้านนี้เค้าจะมาได้บ่อยกว่าแถบตะวันตกแม้ว่าจำนวนวันที่เค้าอยู่อาจจะไม่นาน แต่ปริมาณที่มากทำให้เราเห็นว่านักท่องเที่ยวต่างชาติหนาตามากขึ้น แต่ว่าในเรื่องของวิธีการท่องเที่ยวมันยังเป็นแบบเดิม เดอะเวเนเซียเข้ามาเพื่อเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวซึ่งมันมีศิลปวัฒนธรรมเดิมๆ มีอาหาร เพียงแต่ว่ามันไม่มีการรวมกันเข้ามาในพื้นที่ที่ก่อให้เกิดความน่าสนใจ เพิ่มมูลค่าให้กับสิ่งเหล่านั้น”
มีการรวบรวมชุมชนเข้ามายังไง?
“ก็คือเนื่องจากเรามีพื้นที่ขนาดใหญ่คือ 70000 กว่าตารางเมตร เราสามารถจัดสรรพื้นที่บางส่วนให้มันเหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆที่ได้พูดมาแล้ว บางส่วนก็คือให้ชุมชนทั่วประเทศเลย เราไม่ได้สนับสนุนแค่จังหวัดเราเท่านั้น เข้ามาแสดงและก็ขายจำหน่ายสินค้าได้ด้วย ชุมชนมักจะมีปัญหาคือเค้าจะไม่ค่อยมีบุคลากรที่เค้าทำเองในบ้าน ถ้ามาขายก็ไม่ได้ทำ ถ้าทำก็ไม่ได้มาขาย เราก็จะทำหน้าที่ในการทำการตลาดและการขายให้กับเค้าสำหรับคนที่มีความต้องการเราจะแยกเป็นหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น Food None Food .หรือสินค้าหัตถกรรมท้องถิ่น เพิ่มรายได้ให้กับชุมชนทั่วประเทศ ด้วยความที่หัวหินเป็นแหล่งท่องเที่ยวใครๆก็มา อย่างอยู่จังหวัดพังงา อยากจะเอาสินค้ามาวางกับเรา อยู่หนองคายอยากจะเอาสินค้ามาวางกับเรา ซึ่งเราก็กำลังประสานงานกับกลุ่มSMEs กลุ่มชุมชนในจังหวัดต่างๆคาดว่าน่าจะพร้อมประมาณเดือนมีนาคม เพราะว่าคนเราเวลามาเที่ยวครั้งหนึ่งมันไม่มีเวลาที่จะไปทุกจังหวัดทุกภาคอยู่แล้วแต่เมื่อเค้ามาแล้วเค้ารู้สึก เฮ้ย!อีสานฉันยังไม่ได้ไปน่าสนใจน่ะ ทริปต่อไปเค้าอาจจะไปอีสาน ซึ่งเราไม่ได้แค่ประชาสัมพันธ์แค่พื้นที่ของเรา แต่ว่าเราทำให้เค้าเห็นว่าประเทศไทยยังมีจังหวัดน่าเที่ยวอีกหลายที่ ถามว่าทำไมเราทำอย่างนี้เพราะเราเชื่อว่า การที่เราเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวถ้าเราทำให้เกิดความยั่งยืนในการท่องเที่ยว เราทุกคนควรจะช่วยกันประชาสัมพันธ์ประเทศไทย เพราะปริมาณของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมันเยอะมาก เราไม่อยากแข่งกันเอง เราทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยให้เยอะขึ้น แต่ที่สำคัญการเยอะตรงนั้นเราอยากให้ทุกๆแหล่งท่องเที่ยวเน้นในเรื่องคุณภาพให้มากขึ้น ซี่งทุกอย่างตรงนี้มันคงไม่ได้เสร็จในพริบตา แต่ว่าเราก็มีความมุ่งมั่นและทยอยทำไปเรื่อยๆ นักท่องเที่ยวอาจไปเห็นเวเนเซียแล้วบอกว่าไม่เห็นเป็นอย่างที่พูดเลย มันต้องค่อยๆปรับไปเรื่อยๆ เพราะสิ่งที่เราพูดไม่ได้ทำแบบระยะสั้น แต่เราทำแบบยั่งยืน สมมติว่าสินค้าเข้ามาแล้วถ้ามันไม่ใช่ไม่เหมาะเค้ายังไม่พัฒนาไม่ปรับปรุง เราก็ต้องเปลี่ยนแต่ในขณะเดียวกันเราก็พยายามที่จะช่วยผลักดันให้เค้ามีแรงบันดาลใจ มีความรู้มากขึ้นในการพัฒนาแพคเกจจิ้ง หรือว่าพัฒนาสัดส่วน หรือราคาให้มันเหมาะกับความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราเองชำนาญค้าปลีกมากว่า 30 ปี เราจะเข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคว่าทำไมสัดส่วนขนาดนี้ ราคานี้ ลูกค้า ไม่ซื้อ มันอาจจะซื้อยากเกินไป แต่พอปรับมาเป็นขนาดนี้ลูกค้าอาจจะซื้อได้ง่ายขึ้น ทั้งๆที่เป็นของเดียวกัน แต่สิ่งเหล่านี้ชุมชนเค้าอาจจะไม่ได้สัมผัสปริมาณผู้บริโภคมากพอ และอาจจะไม่ใช่ความถนัดของเค้าในการจัดจำหน่ายทำการตลาด ตรงนี้เราก็จะช่วยให้คำแนะนำ โดยผ่านกระบวนการทดลองขายจริงเลย แต่ทั้งหมดนี้มันเหมือนกับเราเป็นพี่เลี้ยง เพราะฉะนั้นมันต้องใช้เวลาในเบื้องต้นอาจจะมีการหมุนเวียนสินค้า เข้าออก มีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ เราอาจจะขยายพื้นที่ที่เป็นฟู้ด หรือขยายพื้นที่ที่เป็นคอสเมติค ลดพื้นที่ที่เป็นสินค้าหัตถกรรม อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภคแล้วก็ความสามารถของชุมชนที่เค้าจะพัฒนาสินค้าของเค้าให้เข้ากับความต้องการของลูกค้า พื้นที่ที่ทำ 46 ไร่เราต้องค่อยๆปรับ บางทีเจอฝน เจอแดด ก็ต้องค่อยๆไล่ปรับมุมต่างๆ ทยอยทำไป คาดว่าจะเสร็จในควอเตอร์ที่2 ทุ่มงบกว่า 50 ล้าน ทั้งเรื่องสินค้าและการปรับปรุงพื้นที่”
“ตอนนี้มีการดิวสินค้าในแต่ละชุมชนแล้ว เราต้องจัดกรุ๊ปก่อนเพราะถ้ามันมาน้อยไปก็ไม่น่าสนใจ เหมือนเราเข้าไปเดินในห้างสรรพสินค้าดูโล่งๆ แต่อันนี้จะเป็นห้างสรรพสินค้าคนไทยสินค้าไทย แต่ในขณะเดียวกันสินค้าต่างประเทศเช่น รัสเซีย หรือจีน เค้าก็อยากจะเอาสินค้าเค้าเข้ามาเทรดกับเรา เรากำลังมองว่าเราอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นเทรดเซ็นเตอร์ เป็นโกลบอลเทรดดิ้ง ที่ทำให้มีการแมชชิ่งกันระหว่างผู้ประกอบการกับผู้ผลิตหรือผู้จัดจำหน่ายแล้วก็ผู้ซื้อของต่างประเทศ ซึ่งมันก็จะเป็นรูปแบบใหม่ ที่ไม่ใช่เจอกันในฮอลล์แบบเดิมๆ เนื่องจากว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคการเดินทางต่างๆมันเปลี่ยนไปค่อนข้างเยอะ การเดินทางไปท่องเที่ยวหัวหินในลักษณะที่เป็นบิสซิเนสด้วยรีแร็กซ์ด้วยเรามองว่าแนวโน้มตรงนั้นมันมีโอกาสโตขึ้น”
สุดท้ายนี้ คุณทัศษา เหล่าหงษ์เกียรติ ยังฝากบอกด้วยว่า..
“อยากจะให้คนไทยมองว่าวันนี้การที่เราจะอยากเห็นเศรษฐกิจของประเทศไทยโตขึ้น อยากให้ทุกคนตระหนักว่าแต่ละพื้นที่ในจังหวัดของทุกจังหวัดในประเทศไทย ให้ทุกคนช่วยกันสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยวหรือเศรษฐกิจของประเทศไทย ด้วยการให้คุณค่าแล้วก็ช่วยกันส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัดในแต่ละชุมชนแล้วก็ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น สมมติว่าเราไปที่ไหนแล้ว เราพบว่ามีอะไรดีอยากให้ดึงมุมมองดีๆของทุกๆที่ไม่เฉพาะว่าเดอะเวเนเซียหรือที่อื่น ให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้นในมุมที่ดี คือบางอย่างมันอาจจะไม่ใช่ทุกที่ มันไม่มีอะไรที่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่าถ้าเราคนไทยหยิบเฉพาะส่วนที่ไม่ดีของแต่ละที่มาพูดมันก็จะทำให้ภาพของประเทศไทยในฐานะที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวมันก็จะค่อยๆลดลงซึ่งมันหมายถึงเศรษฐกิจหรือกระเป๋าของทุกๆคนอยู่แล้ว ถ้านักท่องเที่ยวหรือคนไทยเองจับจ่ายกันมากขึ้น เที่ยวกันมากขึ้น เศรษฐกิจมันก็จะสะพัดในระดับหนึ่งแล้ว แต่ถ้าวงล้อนี้มันไปถึงต่างประเทศ สื่อเดี๋ยวนี้มันไปถึงหมด ถ้าเราพูดในมุมที่ดี มันก็จะทำให้กระแสของการท่องเที่ยวในบ้านเราค่อยๆดีขึ้น อยากให้พวกเรารักประเทศไทย เราอาศัยอยู่ในแผ่นดินเดียวกัน สิ่งที่พวกเราทำได้ก็คือการสามัคคีกัน ความสามัคคีก็คือการส่งเสริมในมุมที่ดี ในมุมที่ไม่ดีผู้ประกอบการทราบกันอยู่แล้วก็พยายามปรับปรุงแก้ไข แต่ในบางครั้งมันไม่สามารถทำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเวลา งบประมาณ ทรัพยากรบุคคล เราอยากให้คนไทยช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกันไม่ซ้ำเติมกันเอง มันก็จะทำให้ภาพลักษณ์ที่ออกไปมันยิ่งส่งเสริมทำให้คนอยากจะหมุนเวียนไปเที่ยวในหลายๆที่มากขึ้น
กิจกรรมที่เพิ่มความสนุกสนานที่เดอะเวเนเซีย มีกิจกรรมนอกเหนือจากแหล่งทานอาหารที่มีทั้งอาหารไทย อาหารนานาชาติ เรายังมีอาหารฮาล้าล ด้วย มีห้องละมาดที่มีความสมบูรณ์ในการต้อนรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการทานอาหารฮาล้าล แล้วก็อีกส่วนหนึ่งที่เป็นกิจกรรมต่างๆไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือ การเข้าไปร่วมสนุกถ่ายภาพในบ้านกลับหัว ในห้องภาพสามมิติ หรือว่าจะนั่งรถม้า รถไฟ รวมไปถึงในคานิวัลที่เป็นเหมือนกิจกรรม งานวัดสนุกสนานสำหรับครอบครัว แหล่งช้อปปิ้งที่มีOUTLETราคาโรงงาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ลูกค้าคาดไม่ถึงเพราะว่าจริงๆแล้วราคาที่นั่นเป็นราคาที่คุ้มค่ามาก เพราลูกค้าจะเข้าใจว่าเข้าไปเวนิสสินค้าต้องแพง จริงๆเรามีสินค้าราคาไม่ถึงร้อย เสื้อตัวละร้อย หรือว่าชุดที่ลดราคาแล้วเหลือเพียง 200-300 บาท”
คุณสุทัศษา เหล่าหงษ์เกียรติ
สำหรับเวลาเปิดทำการ
“เวลาเปิด 10.00-20.00 น. มีแผนที่จะขยับเวลาเปิดในช่วงกลางคืนให้มากขึ้น อยู่ในระหว่างกำลังปรับปรุงซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง สำหรับคนไทยเข้าฟรีทุกคน แต่ว่าบัตรแพคเกจในการเล่นกิจกรรมต่างๆสำหรับคนไทยก็จะได้ราคาพิเศษ อย่างเล่นตามกิจกรรมก็ประมาณ 180 บาท สิ่งที่อยากจะเซอร์ไพร์สลูกค้าก็คือสินค้าที่จำหน่ายที่เวเนเซียราคาเหมือนราคาขายส่ง เราอยากเปลี่ยนมุมมองนักท่องเที่ยวว่าที่ท่องเที่ยวไม่ได้บวกราคาแพงน่ะ คือเราอยากให้นักท่องเที่ยวไว้ใจในสถานที่ท่องเที่ยวแต่เราก็ไม่สามารถที่จะบอกกับผู้ประกอบการท่านอื่นได้ สำหรับเราเองก็ทำของเราเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าถ้าเราจำหน่ายสินค้าดีในราคาที่คุ้มค่าสำหรับพวกเค้าที่ซื้อหาได้จริง เค้าก็อยากจะกลับเข้ามาอีก มันก็เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวอีกแบบหนึ่ง เหมือนเราไปต่างประเทศเราก็ไม่กล้าจับเนอะของแพงๆในที่เที่ยวอะไรๆก็แพง”
ก็เอาเป็นว่าสำหรับใครที่อยากจะไปเปิดหูเปิดตา สั่งสมประสบการณ์ท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ๆก็สามารถแวะเวียนไปได้ที่เวเนเซีย ว่าแล้วจะรออะไรล่ะ รีบแพ็คกระเป๋าไปเวเนเซียกันดีกว่า งานนี้ไม่ไปถือว่าพลาดน่ะจ๊ะ เกือบลืมบอกว่าที่นี่เหมาะกับการถ่ายพรีเวดดิ้งเป็นอย่างมากคร้า โรแมนติก ศิวิไลซ์ แบบสุดๆกันเลยทีเดียว