'คปภ.'ผนึกภาคอุตสาหกรรมประกันภัย
รณรงค์ความปลอดภัยทางถนนสงกรานต์ 2561
"คปภ." ประกาศเตือน 7 วันอันตรายช่วงเทศกาลสงกรานต์ ร่วมผนึกภาคอุตสาหกรรมประกันภัย รณรงค์ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ผลักดันให้ใช้ระบบประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง เยียวยาผู้ประสบภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ในฐานะที่สำนักงาน คปภ. เป็นหนึ่งในคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน ได้เล็งเห็นความสำคัญของการแก้ปัญหาอุบัติเหตุทางถนนที่เป็นสาเหตุที่คร่าชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวน ซึ่งได้มีการบูรณาการทำงานในเชิงรุกร่วมกับภาคีเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมประกันภัยให้เข้าไปมีบทบาทในการบริหารความเสี่ยงให้แก่ทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง
โดยสถิติการเกิดอุบัติเหตุของประเทศไทยก็ยังติดอันดับต้นๆ ดังจะเห็นได้จากสถิติล่าสุดของการเกิดอุบัติเหตุการบาดเจ็บ และเสียชีวิต ในช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลสงกรานต์ในปี 2560 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 พบว่าปี 2560 เกิดอุบัติเหตุรวมทั้งสิ้น 3,690 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2559 จำนวน 243 ครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 7.05% ส่วนใหญ่เกิดจากรถจักรยานยนต์ ทั้งนี้ จากสถิติในช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลสงกรานต์ ปี 2560 พบว่าเป็นรถจักรยานยนต์ร้อยละ 79.44 โดยไม่ใส่หมวกนิรภัยร้อยละ 48.69 และหนึ่งในสถิติที่ต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง คือ รถจักรยานยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุ แต่ไม่มีประกันภัย พ.ร.บ. ถึงร้อยละ 48
ดังนั้น สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลอุตสาหกรรมประกันภัยทั้งระบบจึงมีความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนระบบประกันภัยให้เข้าไปมีบทบาทในการบริหารความเสี่ยงให้แก่ประชาชนและทุกภาคส่วน โดยร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยและเครือข่ายความปลอดภัยทางถนนจัดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวมาอย่างต่อเนื่องทุกปี
ซึ่งในปีนี้สำนักงาน คปภ. ได้มีการนำระบบประกันภัยมาบริหารความเสี่ยงให้กับประชาชนอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง โดยเริ่มจากเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2561 ได้มีการเปิดตัว “กรมธรรม์ประกันภัยสงกรานต์อุ่นใจ (ประกันภัย 10 บาท) (ไมโครอินชัวรันส์)” ซึ่งให้ความคุ้มครองกับประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ในปี 2561 ด้วยเบี้ยประกันภัยถูกที่สุดเพียง 10 บาท ให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ 100,000 บาท มีระยะเวลาความคุ้มครอง 1 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่โครงการนี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างดียิ่ง
โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้าร่วมโครงการแล้ว 9 หน่วยงาน ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน), บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน), บริษัท เทสโก้ เจเนอรัล อินชัวรันส์ โบรคเกอร์ จำกัด, บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด, หนังสือพิมพ์ดาราเดลี่, บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด, บริษัท แบล็ค แคนยอน (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ออร์ก้า (ประเทศไทย) จำกัด ทั้งนี้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการนี้จะเป็นผู้ชำระค่าเบี้ยประกันภัยกับบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ และนำไปมอบให้ประชาชนที่ซื้อสินค้าอุปโภคหรือบริการตามเงื่อนไขที่ผู้ประกอบการและแต่ละรายกำหนด โดยจะไม่มีการบวกค่าเบี้ยประกันภัยเข้าไปในราคาสินค้าหรือการให้บริการของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการแต่อย่างใด
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2561 สำนักงาน คปภ.ได้ Road Show กรมธรรม์ประกันภัย 10 บาท ที่เทสโก้ โลตัส สาขาประชาชื่น และที่เซเว่น อีเลฟเว่น สาขาสาธิต PIM ถนนแจ้งวัฒนะ ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นอย่างมาก รวมทั้งในวันที่ 8 เมษายน 2561 สำนักงาน คปภ.ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในอุตสาหกรรมประกันภัยร่วมกันจัดงาน “คปภ.ลดความเสี่ยง สู่ชุมชน” เพื่อให้ความรู้ด้านการป้องกันความเสี่ยงภัยและแจกหมวกนิรภัยให้กับประชาชน รวมทั้งแนะนำกรมธรรม์ประกันภัย 10 บาทอีกด้วย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 ได้ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยจัดงาน “สงกรานต์เดินทางปลอดภัย ประกันภัยห่วงใยคุณ” เพื่อมอบความห่วงใยให้กับประชาชน ซึ่งภายในงานได้มีการมอบหมวกนิรภัยให้กับเด็กนักเรียนและผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อีกทั้งได้ให้บริการตรวจเช็ค เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง และเปลี่ยนหลอดไฟรถจักรยานยนต์ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากครอบครัว ฉัตรบริรักษ์ ซึ่งประกอบด้วย คุณบอย ปกรณ์ คุณแม่งามทิพย์ และน้องวันใหม่ เป็นศิลปินรับเชิญเข้าร่วมรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนากรมธรรม์ประกันภัยรายย่อย หรือไมโครอินชัวรันส์ ทั้งประกันภัย 100 และประกันภัย 222 ที่ให้ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล กรณีเสียชีวิต สูงสุด 100,000 บาท ซึ่งเดิมเป็นกรมธรรม์ประกันภัยที่มีขายเฉพาะในช่วงเทศกาลหยุดยาว (ปีใหม่ หรือสงกรานต์) เท่านั้น สำหรับในปีนี้พิเศษยิ่งขึ้นคือประชาชนสามารถซื้อกรมธรรม์เหล่านี้ได้ตลอดทั้งปี นับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2561 เป็นต้นไป โดยสามารถหาซื้อได้ที่ช่องทางจำหน่ายต่างๆใกล้บ้าน เช่น เคาน์เตอร์เซอร์วิสที่อยู่ในเซเว่นอีเลฟเว่น, เทสโก้โลตัส, ไปรษณีย์ไทย และ ทีคิวเอ็ม อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ รวมถึงตัวแทนนายหน้าของบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการ
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในส่วนของสำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย (Regulator) ก็ได้ให้ความสำคัญกับการนำระบบประกันภัยมาบริหารความเสี่ยงในชีวิตให้กับพนักงาน คปภ.เช่นกัน จึงได้ให้มีการจัดทำประกันภัยสงกรานต์อุ่นใจ หรือประกันภัย 10 บาท ให้กับพนักงาน คปภ.ทุกคนทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคทั่วประเทศในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้เรียบร้อยแล้ว
ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ขอให้ประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือท่องเที่ยว ควรขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท เตรียมสภาพร่างกายและตรวจสภาพรถให้พร้อม รวมถึงปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ที่สำคัญก่อนการเดินทางควรตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยและวันหมดอายุของการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ทุกครั้ง แม้ว่าการทำประกันภัยไม่สามารถป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ แต่การบริหารความเสี่ยงเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงภัย หากเกิดอุบัติเหตุแล้ว การประกันภัยสามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้
ทั้งนี้ ในช่วง 7 วันอันตราย (วันที่ 11 - 17 เมษายน 2561) สำนักงาน คปภ. ได้จัดประชุม Video Conference ร่วมกับผู้อำนวยการสำนักงาน คปภ. ภาค 1 - 9 ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับจัดกิจกรรมรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งกำชับให้จังหวัดทั่วประเทศ ประสานเครือข่ายประกันภัยในจังหวัด เฝ้าระวังและสนับสนุนข้อมูลด้านการประกันภัย และช่วยเหลือประชาชนด้านการประกันภัยอย่างรวดเร็วและทันท่วงที อีกทั้ง สำนักงาน คปภ. ได้มีการจัดทำ Platform ของการรายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรองรับไว้แล้ว นอกจากนี้ ได้เปิดให้บริการรับคำปรึกษาเกี่ยวกับการประกันภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทางสายด่วน คปภ. 1186 และสำนักงาน คปภ. ในส่วนภูมิภาค ได้ร่วมกับศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัด เพื่อให้บริการประชาชนในช่วงเทศกาลดังกล่าวด้วยเช่นกัน หรือสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ สำนักงาน คปภ. www.oic.or.th
นอกจากนี้ คปภ. ยังผนึกกำลังเครือข่ายภาครัฐและเอกชน ยกพลเปิดตัวโครงการ “คปภ. ลดความเสี่ยง สู่ชุมชน”
ดร.สุทธิพล กล่าวถึงถึงที่มาของการจัดทำโครงการ “คปภ. ลดความเสี่ยง สู่ชุมชน” ว่า ทุกย่างก้าวของการดำรงชีวิตล้วนมีความเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากภัยที่ไม่คาดคิด ความเสี่ยงภัยจากอุบัติเหตุในการเดินทาง ความเสี่ยงจากโรคภัยไข้เจ็บ ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ ความเสี่ยงภัยจากการประกอบอาชีพ หรือแม้แต่ความเสี่ยงภัยทางการเงิน ซึ่งแน่นอน ภัยต่างๆ ทำให้เกิดความสูญเสียและเสียหาย ทั้งต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย รวมถึงทรัพย์สิน
ดังนั้น สำนักงาน คปภ. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย รวมถึงคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของประชาชนด้านการประกันภัย ได้ดำเนินนโยบายและกำหนดกรอบทิศทางการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตามแผนพัฒนาการประกันภัย ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2559 - 2563) ที่มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านการประกันภัยให้กับประชาชนทุกระดับ สามารถใช้ระบบการประกันภัยเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง และเป็นหลักประกันความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินให้กับตนเองและครอบครัว ซึ่งจะเป็นการแบ่งเบาภาระของภาครัฐในการดูแลประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จึงได้จัดทำ “โครงการ คปภ. ลดความเสี่ยง สู่ชุมชน” โดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจด้านการประกันภัยผ่านการสร้างเครือข่ายที่เข้มแข็ง
โดยการนำร่องโครงการฯ ในครั้งนี้ ได้บูรณาการความร่วมมือกับสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง สำนักงานเขตวังทองหลาง และวิทยาลัยพณิชยการอินทราชัย เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเชิงรุก และเพื่อลดความเสี่ยงภายในชุมชน ด้วยการใช้ระบบประกันภัยในการบริหารความเสี่ยง ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนในชุมชนได้ช่วยคิด พัฒนา แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ถ่ายทอดส่งต่อองค์ความรู้ด้านการประกันภัยให้เกิดขึ้นภายในชุมชน เพื่อร่วมเสริมสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว ซึ่งจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเสริมสร้างให้เศรษฐกิจชุมชนของประเทศเติบโตอย่างเข้มแข็งและยั่งยืน ซึ่งภายในงานยังจัดให้มีการเสวนาถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ โดยวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากทั้งสำนักงาน คปภ. และสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง โดยมีผู้เข้าร่วมงานจำนวนกว่า 500 คน ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้นำชุมชน เจ้าหน้าที่ อปพร. ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และประชาชนในเขตวังทองหลาง
สำหรับการจัดงานในครั้งนี้ สำนักงาน คปภ. ได้รับการสนับสนุนและความร่วมมืออย่างดียิ่ง จากทั้งหน่วยงานภาครัฐ ทั้งจากสถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง สำนักงานเขตวังทองหลาง และวิทยาลัยพณิชยการอินทราชัยและหน่วยงานภาคเอกชน ทั้งจากบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และหน่วยงานภาคีเครือข่าย บริษัท โตเกียวมารีน ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท เอไอเอ จำกัด บริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด, บริษัท หยั่น หว่อ หยุ่น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด และบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) ที่ได้ร่วมกันมอบ หมวกกันน็อค กรมธรรม์ประกันภัยสงกรานต์อุ่นใจ (ประกันภัย 10 บาท) และของที่ระลึกให้กับผู้เข้าร่วมงาน รวมทั้งยังได้มีการมอบกรมธรรม์ประกันภัยสงกรานต์อุ่นใจแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 30 สถานีตำรวจในเขตกรุงเทพฯ กว่า 5,500 นาย
“โครงการ คปภ. ลดความเสี่ยง สู่ชุมชนถือเป็นโครงการนำร่องในเชิงรุกที่ขับเคลื่อนสำนักงาน คปภ.ไปสู่ประชาชน แทนที่จะรอให้ประชาชนเข้ามาติดต่อที่สำนักงาน คปภ. เอง ทั้งนี้ มีเป้าหมายหลักที่ต้องการให้ผู้นำชุมชน รวมถึงตำรวจในท้องที่สามารถเป็นกระบอกเสียงให้สำนักงาน คปภ. ในการถ่ายทอดความรู้ด้านการประกันภัยที่ครบวงจร ให้ประชาชนในชุมชนต่างๆ ของประเทศ มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการประกันภัยและสิทธิประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย ตลอดจนสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงในชีวิต และทรัพย์สินให้กับตนเองและครอบครัวได้อย่างเหมาะสม พร้อมกันนี้ก็จะได้แนะนำภารกิจและบทบาทหน้าที่ของสำนักงาน คปภ. รวมถึงช่องทางการเข้าถึงบริการของสำนักงาน คปภ. เพื่อให้ประชาชนทราบและเกิดความเชื่อมั่นต่อระบบประกันภัย นอกจากนี้ ยังเป็นโอกาสดีที่ สำนักงาน คปภ. และภาคอุตสาหกรรมประกันภัยจะร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อสังคมในการพัฒนาชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งยิ่งขึ้น และหากโครงการนำร่องนี้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน ก็จะขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ต่อไปในอนาคต” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
ส่วนกรณีไฟไหม้ราชเทวีอพาร์ทเม้นท์ คปภ.ดูแลใกล้ชิด ไล่บี้บริษัทประกันเร่งจ่ายค่าสินไหมทดแทนที่เหลือโดยเร็ว และจ่ายเยียวยาเบื้องต้นแล้ว ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กล่าวถึงเรื่องนี้ ว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2561 เวลาประมาณ 02.30 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารราชเทวี อพาร์ทเม้นท์ เลขที่ 488/18 ซอยเพชรบุรี 18 แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นอาคารสูง 14 ชั้น และมีผู้พักอาศัยกว่า 100 ห้อง
เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย และได้รับบาดเจ็บจำนวน 44 คน ซึ่งถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนใหญ่เกิดจากการสำลักควัน จึงได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์และสำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ ลงพื้นที่เพื่อติดตามและประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัยอย่างทันท่วงที จนได้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนเพื่อเยียวยาเบื้องต้นให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้แล้ว ซึ่งสำนักงาน คปภ.จะติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อเร่งรัดให้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนส่วนที่เหลือต่อไป
ทั้งนี้ สำนักงาน คปภ.ได้ตรวจสอบข้อมูล พบว่า อาคารดังกล่าวได้ทำประกันภัยความเสี่ยงภัยสำหรับธุรกิจ (ACCIDENTAL DAMAGE (PROPERTY) INSURANCE POLICY FOR BUSINESS) ไว้กับบริษัท แอกซ่าประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 2017-P1078329-PAC เริ่มต้นความคุ้มครองเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2560 และสิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 โดยมีทุนประกันภัย 314 ล้านบาท ประกอบด้วย สิ่งปลูกสร้าง (รวมฐานราก) ทุนประกันภัย 300 ล้านบาท การสูญเสียค่าเช่า (สูงสุด 6 เดือน) ทุนประกันภัย 14 ล้านบาท และได้มีการขยายความคุ้มครองถึงความรับผิดชอบต่อความเสียหายทรัพย์สินและการบาดเจ็บทางร่างการต่อบุคคลภายนอก โดยจำกัดความคุ้มครองไม่เกิน 15 ล้านบาท ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้งและตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย
ทั้งนี้ ได้สั่งการให้สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ และสำนักงาน คปภ. เขตท่าพระ ประสานบริษัทประกันภัยเร่งสรุปความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทนด้วยความรวดเร็ว ถูกต้องและเป็นธรรมต่อไป ซึ่งในเบื้องต้นบริษัทประกันภัย ได้เยียวยาให้กับทายาทของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย รายละ 100,000 บาท โดยทายาทของนายพีรณัฐ อินวกูล (นักเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา) ได้รับเงินเยียวยาเบื้องต้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีก 2 ราย อยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อให้มารับเงิน
เลขาธิการ คปภ.กล่าวด้วยว่า สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้ได้รับความเสียหายในครั้งนี้ และจะช่วยอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยและประสานงานด้านค่าสินไหมทดแทนอย่างเต็มที่ อุบัติเหตุและอุบัติภัยสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา โดยที่เราไม่คาดคิด และเมื่อเกิดขึ้นแล้วอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินได้ ดังนั้น ไม่ควรประมาทและมองข้ามความสำคัญของการทำประกันภัยที่เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงที่ดีที่สุด ที่สามารถช่วยแบ่งเบาภาระความเดือดร้อนของท่านได้ ซึ่งประชาชนและผู้ประกอบการต่างๆสามารถเลือกซื้อกรมธรรม์ประกันภัยได้ตามความเหมาะสมกับสภาพความเสี่ยงของตนเอง อย่างไรก็ตาม ขอให้พิจารณาจากสถานที่ตั้ง และลักษณะการใช้อาคารของ ผู้เอาประกันภัย รวมทั้งความสามารถในการชำระเบี้ยประกันภัยด้วย ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัยด้านการประกันภัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186