‘กูรูขายตรงไทย’ฟันธง!!
ยุคMLMเถื่อนเต็มเมือง
ของจริงอยู่ได้ของเทียมอยู่ยาก
|
|
“ของจริงอยู่ได้ของเทียมอยู่ยาก” เป็นคำที่มีความหมายเฉกเช่นนี้หลุดออกจากปาก “คุณกิจธวัช ฤทธีราวี” กรรมการฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์สมาคมการขายตรงไทย (TDSA) ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงของ บริษัทขายตรงอันดับ 1 ของไทย คือ กรรมการผู้จัดการผู้จัดการ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ในวันจัดงานขอบคุณสื่อมวลชน ณ ห้องธาราเทพ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา โดยวันดังกล่าว สมาคมการขายตรงไทย ก็ได้แถลงความคืบหน้าเรื่องการเตรียมการจัดงานประชุมระดับโลก “World Congress ครั้งที่ 16 หรือ WCXVI 2020” ของสมาพันธ์การขายตรงโลก (WFDSA) ที่ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพการจัดงานสำคัญเป็นครั้งแรก
ที่สำคัญคำพูดของ คุณกิจธวัช ซึ่งได้กล่าวถึงข้างต้นนั้นเป็นผลที่สืบเนื่องมาจาก ข้อมูลการแถลงถึงภาพรวมของธุรกิจขายตรงไทยในปี 2561 และแนวโน้มธุรกิจขายตรงไทยในด้านแนวโน้มธุรกิจขายตรงไทยนั้น โดย “คุณสุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล” นายกสมาคมการขายตรงไทย ได้กล่าวว่าภาพรวมของธุรกิจขายตรงไทยในปี 2561 หดตัวลงเล็กน้อยประมาณ 1.69 % หรือคิดเป็นมูลค่าตลาดธุรกิจขายตรงรวม 69,800 ล้านบาท จากปี 2560 ที่มีมูลค่าตลาด 71,000 ล้านบาท และได้คาดการณ์ไว้ว่าปี 2561 จะมียอดธุรกิจรวม 3% แต่ผลปรากฏออกมากลับเป็นสิ่งตรงกันข้าม |
|
และข้อมูลที่กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจยิ่งก็คือ จำนวนนักธุรกิจขายตรงรวมปี 2561 มีจำนวน 11.10 ล้านคน ซึ่งหดตัวลงจากปี 2560 ที่มีอยู่จำนวน 11.25 ล้านคน นับเป็นครั้งแรกที่ธุรกิจขายตรงได้ก่อกำเนิดขึ้นในเมืองไทยกันเลยทีเดียว เพราะถึงแม้ว่า สภาวะเศรษฐกิจสังคม จะย่ำแย่แค่ไหนหรือเป็นช่วงที่ยอดธุรกิจขายตรงโดยรวมหดตัวลง ซึ่งมีอยู่ 2 ช่วงในประวัติศาสตร์ ก็ไม่เคยปรากฏว่ายอดนักธุรกิจขายตรงหดตัวลงเลย แล้วมีเหตุปัจจัยอะไรที่ส่งผลและทำให้ยอดนักธุรกิจหดหายไป
ในขณะที่ นายกสมาคมการขายตรงไทย ให้เหตุผลว่า สืบเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นยุคที่มีการแข่งขันสูง และผู้บริโภคมีทางเลือกหลากหลายช่องทางมากยิ่งขึ้น จึงหันหน้าไปประกอบกิจการอื่น เช่นไปทำธุรกิจค้าขายสินค้าในช่องทางค้าปลีกทั้งในรูปแบบขายโดยตรงปกติและขายผ่านออนไลน์ อย่างไรก็ตามในประเด็นเรื่องของยอดนักธุรกิจขายตรงหดตัวลง ก็มีผู้แสดงความเห็นว่า เป็นเพราะนักธุรกิจขายตรง หันไปทำธุรกิจอื่นที่ไม่เข้าขายเป็นธุรกิจขายตรงแต่ได้นำแผนการจ่ายผลตอบแทนแบบธุรกิจขายตรงมาใช้หรือไม่ (หรืออาจจะเรียกว่า “ขายตรงเถื่อน”) อาทิเช่นธุรกิจออนไลน์ ที่สำคัญธุรกิจที่กำลังมาแรงและดึงดูดมนุษย์เครือข่ายไปร่วมธุรกิจได้อย่างรุนแรงในขณะนี้ก็คือ ธุรกิจเทรดเงิน การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ หรือ Forex (Foreign Exchange) และธุรกิจซื้อขายเงินเงินดิจิตอล หรือ คริปโตเคอเรนซี่ (cryptocurrency) ซึ่งสามารถเขย่าสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับค่ายขายตรงหลายค่ายถึงกับหัวทิ่มกันเลยทีเดียว
|
|
ประเด็นนี้ คุณกิจธวัช ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารที่อยู่ในองค์กรธุรกิจขายตรงที่เก่าแก่มากที่สุดรายหนึ่ง หรือหากจะเปรียบได้ว่าเป็น กูรูธุรกิจเครือข่ายขายตรง หรือ MLM ก็เปรียบได้ดังนั้น ได้ให้ทัศนะว่า หากมองภาพธุรกิจขายตรงในวงกว้าง ธุรกิจเทรดเงิน และซื้อขายเงินดิจิตอล ที่เอารูปแบบการจ่ายผลตอบแทนไปใช้นั้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนใหญ่จะกระทบธุรกิจเครือข่ายขายตรงรายเล็กหรือรายใหม่ที่เน้นทำธุรกิจโดยใช้แผนการจ่ายผลตอบแทนแบบ “จ่ายกันแรงๆเยอะๆ” แต่ไม่เน้นสินค้ากลับเน้นการลงทุนใช้เงินต่อเงิน นักธุรกิจกลุ่มที่นิยมชมชอบรูปแบบนี้ จึงขยับตัวไปลงทุนในธุรกิจ เทรดเงิน และซื้อขายเงินดิจิตอลกัน ส่วนบริษัทที่ทำธุรกิจขายตรงที่แท้จริง มีการขายสินค้าเข้าถึงผู้บริโภคที่ชัดเจน และมีการขยายเครือข่ายอย่างเป็นธรรมชาติ หากดูตัวเลขยอดขายกันแล้วก็อยู่ในสภาวะเติบโตหรือไม่ก็ทรงตัวอยู่ได้ ฉะนั้นก็หมายความว่า ในยุคที่ธุรกิจเครือข่ายขายตรงฝุ่นตลบมีธุรกิจแอบแฝงเข้ามาเยอะมากมาย “หากไม่ใช่ ธุรกิจขายตรงของแท้ก็อยู่ยาก”
สำหรับแนวโน้มในปี 2562 นั้น คุณสุเทพ กล่าวว่าในไตรมาสแรกนี้ยังคงเห็นภาพการเติบโตที่ไม่ชัดเจนเท่าที่ควร แต่ยังคงประคองตัวให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 2561 ที่ผ่านมา ด้วยอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัตน์ที่ส่งผลกระทบทั้งในแง่บวกและแง่ลบต่อเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม โดยเฉพาะการเปิดเสรีของช่องทางการกระจายสินค้าที่กว้างขวางและสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจขายตรงไทยต้องทำงานหนักและเพิ่มศักยภาพในเรื่องของความรวดเร็ว เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันให้มากยิ่งขึ้น และสมาคมการขายตรงไทยเองก็ได้พยายามส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ เพื่อช่วยพัฒนาศักยภาพในการดำเนินธุรกิจให้แก่บริษัทสมาชิกเพื่อให้ก้าวทันเทคโนโลยีทางการตลาดในยุคดิจิทัล ให้มีการเติบโต ไปพร้อมๆ กับการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ โดยคำนึงถึงการคุ้มครองสิทธิให้แก่ผู้บริโภคเป็นประการสำคัญด้วยอย่างไรก็ตามแนวโน้มภาพรวมของธุรกิจขายตรงไทยในปีนี้คาดว่าน่าจะมีกำลังซื้อจากผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และคิดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกราว 1-2 %
|
|
ส่วนความคืบหน้าการเตรียมการจัดงานประชุม“World Congress ครั้งที่ 16 นั้น คุณสุชาดา ธีรวชิรกุล อดีตนายกสมาคมการขายตรงไทย ประธานจัดงานดังกล่าว เปิดเผยว่า ทางคณะกรรมการจัดงานได้กำหนดวันจัดงาน ในวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2563 ภายใต้ธีม “Tomorrow is now” นับเป็นโอกาสอันดีที่สมาคมจะได้แสดงศักยภาพอันแข็งแกร่งและความน่าเชื่อถือของการเป็นองค์กรมาตรฐานของผู้ประกอบธุรกิจขายตรงไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ทั้งด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ การส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยการสร้างอาชีพที่มั่นคงให้แก่ผู้คนจำนวนมากในสังคม โดยยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจรรยาบรรณ
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายผู้เข้าร่วมงาน “World Congress ครั้งที่ 16 ประกอบด้วย ผู้ประกอบการธุรกิจขายตรงทั้งไทยและต่างชาติที่มาจากกลุ่มบริษัทสมาชิกของสมาคมการขายตรงกว่า 60 ประเทศทั่วโลก ภายใต้สังกัดสมาพันธ์การขายตรงโลก สหรัฐอเมริกา และผู้ประกอบการทั่วไปที่สนใจ รวมถึงเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐ ภาคการศึกษา และสื่อมวลชน ฯลฯ ประมาณ 600 คน เพื่อมาร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูลใหม่ๆ และแนวโน้มความคืบหน้าเกี่ยวกับธุรกิจขายตรงโลกในอนาคต อาทิ ด้านการบริหารจัดการในยุคดิจิทัล และข้อมูลการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายขายตรงต่างๆ อันอาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจขายตรงในหลายๆ ประเทศ โดยมีการจัดเวิร์คช้อป แยกออกเป็น 3 ห้อง จัด 2 วัน 3 รอบ 9 หัวข้อ
|
|
นอกจากนี้ มร.โรเบิร์ต ดาเนียล คลัฟฟ์ รองประธานประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท ยูนิซิตี้
มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กรรมการฝ่ายกิจกรรมพิเศษของสมาคมการขายตรงไทย แถลงข่าวเพิ่มเติมถึงการจัดงานมอบรางวัลเกียรติยศให้แก่นักธุรกิจขายตรงดีเด่นในงาน “TDSA AWARD 2019” ซึ่งจะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม 2562 ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ อิมแพค เมืองทองธานี โดยมีกรรมการหลักอีก 2 ท่านในการร่วมจัดงานในครั้งนี้ ได้แก่ นายอรรถกฤต กีรติวิทยายุต ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท พีเอชเอชพี (ประเทศไทย) จำกัด และนายนิติพงศ์ ศิวพรเสถียร ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท โมรินดา เวิร์ลไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด จะร่วมกันสรรสร้างงานดังกล่าวให้ยิ่งใหญ่และสมเกียรติแก่ผู้เข้ารับรางวัลในปีนี้ รวมทั้งสร้างความประทับใจอันจะเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านด้วย Special Talk สุดพิเศษในงานเลี้ยงฉลองแบบ Gala Dinner ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 1,500 คน
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|