นอกจากนี้ แอปพลิเคชันยังถูกออกแบบ User Interface ทั้งหมดด้วยทีมดีไซน์คนไทย รวมถึงการเขียนและวางโครงสร้างแอปพลิเคชันเป็นคนไทย Cloud Server ก็อยู่ในประเทศไทย ข้อดีคือเมื่อเกิดปัญหาในการใช้งานด้านการ Service จะง่ายต่อการแก้ไขและประสานงาน ซึ่งพูดได้เต็มปากว่านวัตกรรมโดยคนไทยเพื่อคนไทย ในส่วนราคาของปลั๊ก anitech IOT เปิดตัวอยู่ที่ 2,590 บาท พร้อมการันตีด้วยวงเงินการรับประกันความเสียหายสูงสุด 5 แสนบาท นานถึง 1 ปี ทั้งนี้ ในอนาคตแอนิเทคจะมีการพัฒนาปลั๊ก anitech IOT ให้มีระบบเซนเซอร์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ เซนเซอร์วัดอุณหภูมิ การวัดแสง และการตรวจจับความเคลื่อนไหว มาเป็นข้อมูลใช้งานในการเปิด - ปิด ปลั๊กไฟเมื่อมีการเคลื่อนไหว ซึ่งลูกค้าสามารถกำหนดเงื่อนไขการทำงานได้อย่างอิสระมากขึ้น
โดยปัจจุบันแอนิเทค ได้ต่อยอดพัฒนาในรูปแบบของ B2B ซึ่งสามารถเข้าถึงประเภทธุรกิจ Logistics, Smart City, Retail, Factory, Food, Hospital, Smart Building โดย IOT Platform with Data Analytics สามารถเก็บข้อมูลประเมินผลและวิเคราะห์ช่วยวางแผนแจ้งเตือนถึงความผิดปกติสามารถควบคุม ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น, ลดปัญหาการทำงานที่ไม่จำเป็นลง, ได้ Data ที่สำคัญมาวิเคราะห์ธุรกิจ โดยทาง anitech ได้ทำการทดสอบการทำงานกับ Partner ประเภทร้านอาหารที่มาสาขาทั่วประเทศ
นอกจากนี้เรายังมี Service level ตลอด 24 ชั่วโมง ต่อ 7 วัน ไม่มีวันหยุด Service Maintenance ระดับมืออาชีพ พร้อมบริการหลังการขายในการให้ข้อมูลคำแนะนำต่าง ๆ ในการใช้งานได้รวดเร็ว ซึ่งเรามีทีมพัฒนา App และ Firmware เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการใช้งานและทำการ Update ให้ผู้ใช้งานอยู่เสมอ ในส่วนของมาตรฐานทาง Cyber security มีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารหรือส่งข้อมูลระหว่าง Server กับแอปพลิเคชัน ซึ่งจะใช้การเข้ารหัส TLS 2048 บิต เป็นมาตรฐานของ Server สากล และ ส่วนของการ รับ-ส่ง ข้อมูลของตัวปลั๊กมีการตรวจสอบและระบุตัวตนของปลั๊กอย่างปลอดภัย ด้วยมาตรฐาน jwt ecc256
การควบคุมด้วยคำสั่งเสียง และ data analytics dash board สำหรับ B2B เราจะพัฒนาแอปพลิเคชัน สำหรับ B2B ให้สามารถแสดงข้อมูลต่าง ๆแบบ Real-time และเพิ่มการทำงานของ Sensor รูปแบบต่าง ๆ นำข้อมูลมาผ่านกระบวนการ Data Analytics โดยจะแสดงในรูปแบบ Dash Board เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบสถานะการพัฒนาในเวอร์ชั่นถัดไปของแอปพลิเคชันเราจะพัฒนาให้มีการควบคุมด้วยคำสั่งเสียง ผ่าน Google Home หรือ Amazon Alexa ได้ด้วย
ทั้งนี้ในส่วนภาพรวมของ บริษัท สมาร์ท ไอดี กรุ๊ป จำกัด เมื่อปี 2561 ที่ผ่านมายอดขาย ในปี 2561 อยู่ที่330 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนชิ้นอยู่ที่ประมาณ 2 ล้านชิ้น เติบโตจากปี 2560 อยู่ที่ 25% งบประมาณการตลาดปีนี้อยู่ที่ 45 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 10% ของรายได้ประมาณการณ์ในปีนี้ โดยงบประมาณในส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นในเรื่องของการพัฒนานวัตกรรมของสินค้าในครึ่งปีหลัง บุกตลาดปลั๊ก anitech IOT หรือ เป็น Product Highline และตั้งเป้ายอดขายปลายปี 2562 ไม่ต่ำกว่า 450 ล้านบาท โธมัส – พิชเยนทร์ หงษ์ภักดี กล่าวสรุป
|