ในฝั่งของสตาร์ทอัพเอง ก่อนจะเข้าไปนำเสนอแผนธุรกิจหรือ pitching กับ VCs ก็ต้องทำการบ้านเกี่ยวกับ VCs ที่ต้องการได้มาร่วมลงทุนด้วย เพราะ VCs ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้แค่เม็ดเงินลงทุนและคำแนะนำเกี่ยวกับการทำธุรกิจเท่านั้น แต่สามารถมีส่วนช่วยให้สตาร์ทอัพต่อยอดและเติบโตได้ด้วย โดยคุณปารดาแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ควรเลือก VCs ที่มีประสบการณ์ลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกันมาก่อน หรือมีเครือข่ายที่พร้อมสนับสนุนธุรกิจของสตาร์ทอัพนั้นๆ เช่น VCs ที่อยู่ในเครือของบริษัทขนาดใหญ่ อาจสามารถแนะนำให้สตาร์ทอัพได้รู้จักและทำธุรกิจกับบริษัทในเครือเดียวกับ VCs ได้ เป็นต้น
หลังจากได้รับเงินสนับสนุนจาก VCs แล้ว การขยายธุรกิจให้เป็นไปตามแผนที่เสนอไว้ถือเป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าขั้นตอนก่อนหน้า ทั้งนี้ข้อแนะนำที่คุณปารดาฝากเอาไว้คือ ให้ฟังเสียงลูกค้าที่ใช้จริงก่อนเสมอ หากผู้ใช้งานจริงมีข้อแนะนำหรือข้อติชมให้นำมาพิจารณาปรับปรุงแก้ไข ซึ่งบางครั้งคำแนะนำเหล่านี้อาจแย้งกับความคิดของตัวสตาร์ทอัพเองหรือแม้กระทั่ง VCs แต่เชื่อว่าการรับฟังจากผู้ใช้งานจริงและการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่ง คือเส้นทางสู่ความสำเร็จขั้นต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการได้รับเงินสนับสนุนจาก VCs ในจำนวนที่มากขึ้นในการระดมทุนครั้งต่อๆ ไป หรือความสำเร็จในแง่ของการเติบโตทางธุรกิจ
เมื่อพูดถึงเรื่องการแข่งขัน สตาร์ทอัพมักจะกังวลว่าจะถูกคู่แข่งลอกเลียนแบบแนวความคิด ซึ่งคุณ
ปารดา ได้ให้แง่คิดว่า “วิธีเดียวที่จะปกป้องไอเดียธุรกิจของคุณได้ คือการก้าวให้เร็วกว่า” พร้อมให้คำแนะนำแก่สตาร์ทอัพไทยกับหนทางสู่การเป็นยูนิคอร์นหรือธุรกิจที่มีมูลค่ากว่าพันล้านเหรียญสหรัฐ ว่า ภาษาอังกฤษเป็นเรื่องสำคัญในฐานะเครื่องมือสื่อสาร ขณะเดียวกันก็ควรเรียนรู้จากต่างชาติในส่วนของ Know-How ไปพร้อมกับการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับสตาร์ทอัพอื่นๆ หรือองค์กรอื่นๆ ในระบบนิเวศสตาร์ทอัพด้วย
ในช่วงท้ายคุณปารดา ได้พูดถึงสิ่งสำคัญที่สตาร์ทอัพควรพิจารณาก่อนรับเงินสนับสนุนจาก VCs ได้แก่ลักษณะการสนับสนุนด้านเงินทุน เช่น เงินให้เปล่า การเข้ามาถือหุ้น, การสนับสนุนอื่นๆ นอกเหนือจากเงินทุน เช่น โอกาสทางธุรกิจ การให้คำปรึกษา และสุดท้ายคือเงื่อนไขการสนับสนุน เช่น สัดส่วนการถือหุ้น อำนาจการบริหาร อัตราผลตอบแทนที่ต้องการ
งานเสวนา และ Workshop เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ทรู ดิจิทัล พาร์ค จัดขึ้นเพื่อสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพที่เป็นสมาชิกภายใต้แนวคิด “One Roof, All Possibilities” ซึ่งนอกจากจะมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับการส่งเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจโดยตรงแล้ว ยังมีกิจกรรมที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์และสุขภาพช่วยสร้างเครือข่ายและเติมเต็มสีสันชีวิตการทำงานในทุกๆ วัน ติดตามกิจกรรมได้ที่ www.facebook.com/TrueDigitalPark |