กิจกรรมพิเศษในงานเมดิคอลแฟร์ไทยแลนด์ 2019:
พาวิเลียนการดูแลสุขภาพในระดับชุมชน
การที่ประเทศไทยที่ให้ความสำคัญในส่วนของอุตสาหกรรมการแพทย์เป็นผลมาจากวิสัยทัศน์ด้านการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศและความจำเป็นที่จะต้องรับมือกับประชากรสูงวัยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ลักษณะโครงสร้างของประชากรแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้สูงวัยเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดเป็นลำดับ 3 ของเอเชีย โดยคาดว่าในปี พ.ศ. 2583 จะมีจำนวนผู้ที่มีอายุมากกว่า 60 ปี เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 25 ตามรายงานของ Help Age International
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของตลาด งานเมดิคอลแฟร์ไทยแลนด์ 2019 จะมีการเปิดตัวพาวิเลียนการดูแลสุขภาพในระดับชุมชนเป็นครั้งแรก โดยมีแนวคิดในการรวบรวมผู้ที่เกี่ยวข้องจากอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพต่าง ๆ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีเทคโนโลยีและวิทยาการอย่างก้าวหน้า เช่น การเฝ้าระวังสุขภาพในระยะไกล, เวชศาสตร์ผู้สูงอายุ, ผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูสุขภาพ, อุปกรณ์ช่วยเหลือและวิธีการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ดังนั้นพาวิเลียนการดูแลสุขภาพในระดับชุมชนจะจัดขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวของอุตสาหกรรมนี้ที่มุ่งหวังเพื่อลดภาระงานในสถานบริการด้านการแพทย์และสุขภาพ โดยจะมีบริษัทต่างๆ จากประเทศญี่ปุ่น, สิงคโปร์, ไต้หวัน, สหรัฐอเมริกา รวมถึงประเทศอื่น ๆ เข้าร่วมแสดงผลงาน เช่น ระบบการสื่อสารด้านการดูแลสุขภาพแบบดิจิทัล, ผ้าอ้อมอัจฉริยะที่มีระบบการตรวจจับความชื้น, ที่นอนลมนวัตกรรมใหม่สำหรับการดูแลผู้ป่วยแผลกดทับ, สกูตเตอร์เคลื่อนที่ที่มีเสถียรภาพเพิ่มขึ้น รวมถึงเทคโนโลยีบลูทูธที่นำมาประยุกต์ใช้ในบ้านอัจฉริยะ
สตาร์ทอัพพาร์ค
สตาร์ทอัพพาร์คเป็นกิจกรรมใหม่ที่เพิ่มเข้ามาในงานเมดิคอลแฟร์ไทยแลนด์ 2019 โดยมีแนวคิดที่จะสร้างแพลตฟอร์มเฉพาะทางให้ผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพด้านนวัตกรรม การดูแลสุขภาพผู้สูงวัย และธุรกิจด้านการแพทย์จากประเทศสิงคโปร์, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ฮ่องกง และไต้หวันได้พบกับนักลงทุนที่มีศักยภาพ, ผู้ที่มีบทบาทในแวดวงอุตสาหกรรม, และผู้ซื้อกลุ่มเป้าหมาย ผู้ประกอบการธุรกิจสตาร์ทอัพทั้ง 11 รายจะจัดแสดงผลงานนวัตกรรมต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยีการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสำหรับการปลูกถ่ายกระดูก, การใช้ระบบซอฟท์แวร์ปัญญาประดิษฐ์เพื่อลดเวลาการวินิจฉัยโรคและปรับปรุงระยะเวลาที่ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับการนอนหลับ, การใช้เทคโนโลยี one-stop e-platform เพื่อค้นหาและนัดหมายบุคลากรทางการแพทย์ สตาร์ทอัพพาร์คมีบทบาทสำคัญที่เป็นเสมือนตัวขับเคลื่อนการดำเนินงานในระบบนิเวศผู้ประกอบการซึ่งช่วยสนับสนุนการสร้างนวัตกรรมด้านด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพและการแพทย์/สุขภาพในประเทศไทย
สตาร์ทอัพพาร์คประกอบด้วยกิจกรรมต่าง ๆ เช่น fireside chats, และเวทีเสวนาของผู้นำอุตสาหกรรมด้านสุขภาพและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจากทั่วโลก โดยจะร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำธุรกิจสตาร์ทอัพ แนวทางปฏิบัติที่ดี และในประเด็นอื่นๆ ในหลากหลายหัวข้อ โดย Mr. Muthu Singaram หัวหน้าโครงการ จาก Virtual International Business Accelerator (VibaZone™) จะทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการในกิจกรรมนี้ Mr. Muthu Singaram เป็นวิทยากรและที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมที่มีชื่อเสียงในระดับโลก และมีประสบการเกี่ยวกับธุรกิจสตาร์ทอัพกว่า 20 ปี
กิจกรรมสตาร์ทอัพพาร์ค ในงานเมดิคอลแฟร์ไทยแลนด์ถูกจัดขึ้นควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของประเทศไทยเพื่อระบบเศรษฐกิจที่มีรากฐานจากนวัตกรรม และก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางธุรกิจสตาร์ทอัพในเอเชีย
การสนับสนุนอุตสาหกรรมที่เข้มแข็งจากระดับภูมิภาค
งานเมดิคอลแฟร์ไทยแลนด์ถูกบันทึกไว้ในปฏิทินการค้าระดับภูมิภาคว่าเป็นงานแสดงสินค้าที่ไม่ควรพลาด งานนี้จึงได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากสมาคมทางการแพทย์และธุรกิจกว่า 20 แห่งในระดับชาติและภูมิภาค จากประเทศอินเดีย, มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, และเวียดนาม เช่น Asia Pacific Medical Technology Association (APACMed), Association of Indian Medical Device Industry, Association of Private Hospitals of Malaysia, Philippine Medical and Laboratory Equipment and Supply Group Inc. และ Vietnam Medical Equipment Association และองค์กรอื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานผู้ขับเคลื่อนและผู้เขย่าวงการอุตสาหกรรมการแพทย์และการดูแลรักษาสุขภาพของไทย เช่น สมาคมโรงพยาบาลเอกชน, สมาคมเวชศาสตร์ฟื้นฟูแห่งประเทศไทย, สมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย (THAIMED), สมาคมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ไทย, สมาคมส่งเสริมธุรกิจบริการผู้สูงอายุไทย (TEPHCA) เป็นต้น
นี่คือเหตุผลที่สำคัญว่าทำไมสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์อย่าง THAIMED เข้าร่วมงานกับผู้จัดงานแสดงสินค้าอย่าง Messe Düsseldorf Asia ด้วยแพลตฟอร์มของงานเมดิคอลแฟร์ไทยแลนด์ ทำให้ THAIMED สามารถช่วยบริษัทด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพเข้าถึงความต้องการของกลุ่มผู้สูงวัยและกลุ่มผู้ประกอบการด้านการดูแลสุขภาพในระดับที่กว้างขวางขึ้น ในขณะเดียวกันยังต้องตามให้ทันในเรื่องของมาตรฐานคุณภาพและข้อกำหนดด้านกฎหมายของอุปกรณ์การแพทย์ทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา” คุณปรีชา พันธุ์ติเวช นายกสมาคมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเครื่องมือแพทย์ไทย (THAIMED) กล่าว THAIMED ให้คำแนะนำและความช่วยเหลือกับบริษัทอุปกรณ์การแพทย์ในการขอหนังสือรับรองผลิตภัณฑ์ (Free Sales Certificate, FSC) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความจำเป็นเมื่อต้องนำเข้าอุปกรณ์การแพทย์เข้ามาในประเทศไทย |