รายงาน The Omnichannel Imperative พบตัวเลขน่าสนใจที่สนับสนุนความคิดดังกล่าว คือ 41% ของแบรนด์ไทยเริ่มให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล ขณะที่ 38% คิดว่าการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ได้จากการวิเคราะห์เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องกระทำ อีก 36% ระบุอีกว่า ตลาดไทยปัจจุบันยังมีปัญหาเรื่องข้อจำกัดทางเทคโนโลยี ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข
มานิ โกปาลารัตนัม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท รีซัลทิคส์ ระบุว่า “ประเทศไทยเป็นตลาดสำคัญในเอเชียที่มีแนวโน้มจะมุ่งไปสู่การทำตลาดแบบออมนิแชนเนลอย่างเต็มตัว เราจึงรู้สึกตื่นเต้นและพร้อมที่จะนำความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่มีอยู่ มาช่วยเพิ่มศักยภาพให้กับแบรนด์ในประเทศ ที่เป็นทั้งแบบ B2B และ B2C ในการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างไร้รอยต่อดียิ่งกว่าที่เคยเป็นมา”
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเจาะตลาดไทย รีซัลทิคส์ได้แต่งตั้ง วิวัฒน์ มาสุจันท์ ดำรงตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายขาย ประจำประเทศไทย ซึ่งมีประสบการณ์ทำงานมากกว่า 14 ปี ในแวดวงธุรกิจโซลูชันสำหรับองค์กรและไอที โดยเคยร่วมงานกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาแล้วมากมาย เช่น เช่น IBM, Oracle และ SAP
วิวิฒน์ให้ความเห็นว่า “ปัจจุบันผู้บริโภคในไทยคุ้นเคยกับข้อความการตลาดที่ส่งมาจากแบรนด์ต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากผู้บริโภคเหล่านี้มีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์หรือบริการต่างๆ ผ่านอุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่อธิบายว่า เหตุใดแบรนด์ในไทยมากถึง 71% ถึงให้ความสำคัญอย่างมากกับการตลาดแบบเรียลไทม์ในปีนี้ รีซัลทิคส์จึงต้องการนำเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีอยู่มาช่วยให้แบรนด์ในไทย สามารถยกระดับกลยุทธ์การตลาดไปอีกขั้น และช่วยให้พวกเขาสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ดีและมีความหมายยิ่งขึ้น”
นอกจากนั้น รีซัลทิคส์ยังได้แต่งตั้งบริษัท มอนติโวรี่ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและบริการข้อมูลเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญ โดยอาศัยความรู้ความเข้าใจด้านแนวโน้มเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทย และประสบการณ์ทำงานร่วมกับแบรนด์ชั้นนำมาเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างการเติบโตในตลาดไทย
ทั้งนี้ ด้วยประสิทธิภาพโซลูชันการตลาดออมนิแชนเนลของรีซัลทิคส์ แบรนด์ต่างๆ จะสามารถทำแคมเปญการตลาดประสานเข้ากันได้ในทุกช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย อีเมล อีคอมเมิร์ซ โมบายล์แอป เอสเอ็มเอส หรือช่องทางดิจิทัลอื่นๆ นอกจากนั้น รีซัลทิคส์ยังจะช่วยให้การดำเนินงานแคมเปญเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ โดยเชื่อมโยงกับช่องทางออฟไลน์ด้วยเทคโนโลยี เช่น คิวอาร์โค้ด และเทคโนโลยีส่งข้อมูลระยะใกล้ (location beacon) ร่วมกับการนำฐานข้อมูลลูกค้ามาประยุกต์ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ รีซัลทิคส์ยังจะนำความสามารถในการบริหารจัดการฐานข้อมูลลูกค้ามาใช้ร่วมกับเอไอและเทคโนโลยี machine learning เพื่อช่วยให้แบรนด์ต่างๆ สามารถมอบประสบการณ์แก่ลูกค้าผ่านช่องทางต่างๆ ได้อย่างราบรื่นไร้รอยต่อ และมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าแต่ละคนโดยเฉพาะได้แบบเรียลไทม์
ทั้งนี้ รายงานผลการวิจัยเรื่อง The Omnichannel Imperative เป็นการสำรวจทางออนไลน์เกี่ยวกับระดับความพร้อมด้านการตลาดออมนิแชนเนลของภาคธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2562 จากกลุ่มตัวอย่าง 345 บริษัทใน 6 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดรายงานฉบับเต็ม
ได้ที่ https://www.resulticks.com/thailand-omnichannel-readiness.html
|