ในครั้งนี้ จะช่วยในการสร้างเอกลักษณ์ที่ชัดเจนให้กับสินค้า และเป็นใบเบิกทางในการติดต่อเพิ่มช่องทางการขายกับห้างใหญ่ๆ ในต่างประเทศ ซึ่งชื่อเสียงของสตูดิโอ ยาคอบ เยนเซ่น ดีไซน์นั้น เป็นที่รู้จักอยู่แล้วโดยเฉพาะตลาดยุโรปและอเมริกา จึงทำให้เกิดเป็นแบรนด์โลโก้ใหม่ที่เรียบง่ายแบบให้ความรู้สึกถึงความเป็นไลฟ์สไตล์ อบอุ่น และทันสมัย แต่มีชีวิตชีวา สมถะแบบไทยๆ ที่ถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไมครอน แวร์
สำหรับภาพรวมตลาดเครื่องใช้พลาสติกของไทยในปีนี้ยังมีการแข่งขันสูงและมีคู่แข่งสำคัญคือสินค้าจากจีนและเวียดนาม ซึ่งในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์กล่องบรรจุอาหารยังเติบโตได้ดีเนื่องจากปัจจัยสำคัญ คือกระแสรักษ์โลกที่เน้นการนำกลับมาใช้อีก (Reuse) เห็นได้จากการที่ผู้บริโภคเริ่มนำกล่องพลาสติกไปจ่ายตลาดหรือบรรจุอาหารแทนถุงพลาสติก ทำให้ภาพรวมยอดขายของบริษัทเติบโต ประมาณร้อยละ 10
จากนี้ไป ไมครอน แวร์ ตั้งเป้ายอดขายปี 2563 ที่ 800 ล้านบาท พร้อมทั้งรุกขยายตลาดต่างประเทศด้วยแบรนด์ต่างๆ ในเครือซึ่งชาวต่างชาติยอมรับและคนไทยภูมิใจ โดยที่ผ่านมามีการส่งออกผลิตภัณฑ์ไปยังกว่า 40 ประเทศทั่วโลก และมีแผนเพิ่มสัดส่วนตลาดต่างประเทศเป็นร้อยละ 30 ภายใน 3 ปี จากในปัจจุบันที่ตลาดต่างประเทศมีสัดส่วนร้อยละ 20 และตลาดในประเทศมีสัดส่วนร้อยละ 80 ทั้งนี้เพื่อกระจายความเสี่ยงจากสภาพเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ และในเร็วๆ นี้จะมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่คือ AMATAS ซึ่งจะเป็นกลุ่มสินค้าระดับพรีเมียมโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังค้นคว้าหาวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและช่วยประหยัดพื้นที่จัดเก็บมาผลิตเป็นสินค้าใหม่ๆ อีกด้วย
“ในฐานะที่เป็นผู้บริหารรุ่นที่ 2 ผมอยากเห็นธุรกิจครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่สร้างมาเติบโตไปอีกขั้นหนึ่ง และเห็นว่าหากต้องการให้ธุรกิจเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน เราต้องยกระดับสินค้า และแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลกให้ได้ โดยปรับตัวให้เข้ากับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี เสริมจุดแข็งเดิมของการมีโรงงานผลิตเอง บวกกับการปรับปรุงพัฒนาด้านดีไซน์ การตลาด และเทคโนโลยีการผลิต เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน อีกทั้งเรายังต้องการสร้างแพลตฟอร์มที่เป็นตัวกลางเชื่อมต่อนักออกแบบมากฝีมือทั้งไทยและต่างประเทศ มาออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกัน ผมเชื่อว่าเรามีศักยภาพที่จะสร้างแบรนด์ไทยที่ต่างชาติให้การยอมรับ” พลาวุฒิกล่าวทิ้งท้าย
|