ด้าน อ.ดร.ชลัท ศานติวรางคณา ผู้อำนวยการสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า สถาบันโภชนาการได้สร้างความร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรม โดยการนำองค์ความรู้ด้าน ‘ฐานข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร (Thai Food Composition Databases)’ ซึ่งเป็นข้อมูลที่แสดงปริมาณสารอาหารต่างๆ ได้แก่ โปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร น้ำ แร่ธาตุ วิตามิน น้ำตาล คอเลสเตอรอล กรดไขมัน เป็นต้น ซึ่งหากผู้บริโภคไม่ทราบถึงปริมาณและสัดส่วนที่สมดุลย่อมนำไปสู่ปัญหาทุพโภชนาการได้ โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-Communicable Diseases, NCDs) ซึ่งกำลังเป็นปัญหาที่สำคัญของประชากรไทยและทั่วโลก
“ฐานข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของอาหารจึงมีความสำคัญมาก และเป็นที่ต้องการของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ทั้งในงานสาธารณสุข อุตสาหกรรม และเกษตรกรรม โดยนำไปใช้ในงานด้านต่างๆ เช่น การประเมินความเสี่ยงต่อการได้รับสารอาหารน้อยหรือมากเกินไป การแนะนำผู้บริโภคให้รู้จักการเลือกซื้อและบริโภคอาหารที่มีประโยชน์เพื่อป้องกันการเกิดภาวะทุพโภชนาการ การจัดทำสูตรอาหารให้แก่ผู้ป่วยเฉพาะโรค การวางแผนและประเมินการผลิตผลิตผลการเกษตรเพื่อให้เพียงพอในการบริโภคในประเทศ การคัดเลือกวัตถุดิบ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร การประเมินคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดทำฉลากโภชนาการ เป็นต้น ซึ่งสถาบันโภชนาการได้ดำเนินการพัฒนาฐานข้อมูลดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมชนิดอาหารมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้”
อย่างไรก็ตาม ขอบเขตความร่วมมือที่เกิดขึ้น ประกอบด้วยการให้ความร่วมมือในการศึกษาและพัฒนางานวิจัยด้านอาหารเพื่อโภชนาการ อาทิ ร่วมพัฒนาฐานข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการ พัฒนานวัตกรรมอาหารผ่านโครงการวิจัยสนับสนุน การจัดทําฐานข้อมูลคุณค่าทางโภชนาการของอาหาร และการพัฒนาห้องปฏิบัติการ
สำหรับพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือดังกล่าว ได้รับเกียรติจาก นายเรวัติ อารีรอบ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะตัวแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นสักขีพยานในการลงนามระหว่าง บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) และ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
นางศิริพร กล่าวอีกว่า “ในยุคสมัยที่ผู้คนมีความต้องการทางโภชนาการอาหารที่แตกต่างกัน นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการพัฒนาข้อมูลด้านอาหารมาใช้จริงในภาคธุรกิจ เรามุ่งเน้นให้ผู้ประกอบการ ลูกค้าสมาชิกของแม็คโครสามารถนำข้อมูลโภชนาการไปต่อยอดสร้างเมนูใหม่ๆ เพื่อสุขภาพ อันจะเป็นการสร้างโอกาสทางการขายเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็ช่วยตอกย้ำความเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบอาหารคุณภาพปลอดภัยและมีคุณค่าโภชนาการเพื่อผู้ประกอบการไทยอย่างแท้จริงของแม็คโคร” |