เราใช้นวัตกรรมการก่อสร้างและการบริหารพลังงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยเทคโนโลยี จากเยอรมันที่ทำให้ตัวอาคารตั้งอยู่บนลูกบอลซึ่งทำให้โครงสร้างของตึกมีน้ำหนักเบาไม่มีคาน ทนทานปลอดภัย นอกจากนั้นยังมีระบบจอดรถที่ทันสมัยแบบ Automate Car Parking system เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่อีกด้วย ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางออกแบบให้คนทำงานภายในอาคาร ทุกคนสามารถเข้ามาพบปะ พูดคุย และสังสรรค์กันได้อย่างเต็มที่ สะท้อนภาพลักษณ์การทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการครีเอทีฟสเปซ สำหรับสร้างสรรค์ไอเดียที่สดใหม่อยู่ตลอดเวลา เหมาะสำหรับบริษัทรุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์การเป็นบริษัทระดับนานาชาติโดยใช้ทำเลนี้เป็นฮับด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรม ที่จะขยายธุรกิจต่อไปยังประเทศ AEC พิสูจน์ได้จากการที่พื้นที่ในส่วนสำนักงานทั้งหมดถูกเช่าหมดตั้งแต่เปิดจองในเวลาเพียง 3 เดือน”
นางสาวทัตยากรณ์ เบญจภัทรเศรษฐ์ ผู้อำนวยการแผนกอาคารและสำนักงาน บ.โจนส์ แลง ลาซาลล์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ ยังคงอยู่ในภาวะของการมีปริมาณพื้นที่ไม่เพียงพอรองรับความต้องการของบริษัทผู้เช่า โดยเฉพาะอาคารสำนักงานเกรดเอ ปัจจุบันอาคารสำนักงานทั่วกรุงเทพฯ มีพื้นที่รวมกันทั้งสิ้น 9 ล้านตารางเมตร ซึ่งในจำนวนนี้ มีอัตราการว่างเหลือเช่าเฉลี่ย 8.7% ในขณะที่กลุ่มอาคารสำนักงานเกรดเอมีพื้นที่ว่างเหลือเพียง 5% จึงทำให้อาคารสำนักงาน เกรดเอมีแนวโน้มปรับตัวค่าเช่าสูงขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการบริหารจัดการพื้นที่ในอาคาร T-One ต้องการให้พื้นที่แห่งนี้เป็นมากกว่าอาคารสำนักงานสำหรับการทำงาน เราจึงออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนกลางที่กว้างขวางโดยเฉพาะชั้น 40 และ 46 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีทำเลและบรรยากาศดีที่สุดของอาคารเพื่อให้บริการร้านอาหาร และบาร์บน rooftop ท่ามกลางวิวกรุงเทพมหานคร 360 องศา ซึ่งจะเปิดให้ผู้เช่าและบุคคลภายนอกได้ เข้ามาใช้บริการและดื่มด่ำกับบรรยากาศยามค่ำคืนได้อย่างเต็มที่ เพื่อตอบสนองแนวคิด “Where the Connection Begins” นอกจากนี้เรายังจัดพื้นที่โคเวิร์คกิ้งสเปซขนาด 3,200 ตารางเมตรที่บริเวณชั้น 20,26,27 ที่จัดไว้รองรับการเติบโตของสตาร์ทอัพ และใช้เทคโนโลยีอันทันสมัยมาช่วยให้การเข้ามาใช้พื้นที่ภายในอาคารทำได้สะดวกและคล่องตัวยิ่งขึ้น อาทิ การใช้ระบบจอดรถ Automate Car Parking system ที่สามารถรองรับการจอดรถได้เกือบ 400 คัน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ได้อย่างดีที่สุด”
การก่อสร้างโดยรวมออกแบบมาเพื่อเป็น “อาคารสีเขียว’ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังมีพื้นที่ปลูกต้นไม้ถึง 60% ภายในบริเวณพื้นที่เปิดโล่งรอบอาคารเป็นการลดพื้นที่รับรังสีจากแสงอาทิตย์ เลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่มีส่วนผสมรีไซเคิลกว่า 30% มีระบบการประหยัดน้ำอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการเลือกใช้ระบบน้ำและสุขภัณฑ์ที่ช่วยประหยัดน้ำ ติดตั้งมาตรวัดน้ำที่ระบบย่อยเพื่อใช้ทำ cooling tower และน้ำสำหรับรดต้นไม้ เลือกใช้สารทำความเย็นในระบบปรับอากาศที่ไม่ทำลายชั้นบรรยากาศ โครงสร้างอาคารออกแบบนวตกรรมอนุรักษ์พลังงานทำให้โครงการ T-One ประหยัดพลังงานมากกว่าอาคารทั่วไปกว่า 28% และการบริหารจัดการขยะที่มีประสิทธิภาพ”
คุณ กฤตธี มโนลีหกุล กรรมการผุ้จัดการ จาก บ.Tencent ประเทศไทยในฐานะผู้เช่าพื้นที่อาคารสำนักงาน T-One กล่าวว่า “Tencent เป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกจากประเทศจีน เข้ามาลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2553 โดยในปัจจุบันมีธุรกิจที่อยู่ภายใต้การดูแลในประเทศไทยเช่น Sanook, WeChat, JOOX, WeTV และ PUBG ซึ่งเรามองว่าประเทศไทยเป็นตลาดที่มีความสำคัญและเราวางยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยเป็นฮับในเอเชียของเราในการสร้างเอ็นเตอร์เทนเมนต์แพลตฟอร์มสาเหตุที่เราเลือกเช่า T-One เป็นสำนักงานเพราะเรามองเห็นถึงการขยายพื้นที่ในอนาคต โดยการเดินทางก็เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพนักงาน ซึ่ง T-One ตอบโจทย์ของเราได้อย่างลงตัว ทั้งการเป็นอาคารใหม่ใจกลางย่านสุขุมวิท เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า แวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายทั้งยังมีการบริหารจัดการพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถวางรูปแบบออฟฟิศของเราได้อย่างอิสระก็ทำให้เราตัดสินใจเลือก T-One ได้เช่นกัน”
|