“ยาราอยู่เคียงคู่ภาคการเกษตรไทยมาเกือบ 50 ปีแล้ว ซึ่งได้เริ่มจำหน่ายปุ๋ยยาราในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516 นอกจากนี้ เรายังมีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับสังคมไทยมาตั้งแต่ พ.ศ. 2450 โดยโรงงานปุ๋ยยาราในเมืองโนทอดเดน ประเทศนอร์เวย์ได้มีโอกาสถวายการต้อนรับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในโอกาสที่ทรงเสด็จเยี่ยมชมโรงงาน และได้ทรงสั่งซื้อปุ๋ยสูตรยาราลีว่า จำนวน 1 ตัน เพื่อทรงนำมาทดลองใช้ในเมืองไทย โดยปุ๋ยสูตรดังกล่าวยังคงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกมาจนทุกวันนี้”
“ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพด้านเกษตรและปุ๋ยสูงเป็นอันดับต้น ๆ สำหรับยารามายาวนาน ประเทศไทยติดอันดับยอดขายสูงสุด 1 ใน 5 ในระดับโลก ส่วนในภาคพื้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรามียอดขายเป็นอันดับ 1 โดยในปีนี้ ยารา ยังคงมุ่งให้ความสำคัญกับ 5 กลุ่มพืชเศรษฐกิจหลักที่ยาราถือเป็นผู้ครองส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับ 1 ของไทยมาอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ทุเรียน ลำไย และผักใบ และเช่นเดียวกับทุกปี เรายังคงเดินหน้าจัดกิจกรรมลงพื้นที่ตลอดทั้งปี อาทิ งานประชุมเกษตรกร คลินิกพืช แปลงสาธิต ฟิลด์เดย์ พร้อมจัดทีมนักวิชาการเฉพาะทางพืชออกเยี่ยมเยียนเกษตรกร ขณะเดียวกัน ยังมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โดยจะเริ่มขยายตลาดสู่กลุ่มข้าวโพดไร่ ซึ่งเป็นข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ด้วย “ผลิตภัณฑ์ยารามีร่า 23-8-8” ซึ่งเป็นปุ๋ยคอมปาวน์คุณภาพพรีเมี่ยมในราคาที่เข้าถึงได้สำหรับเกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ ที่นอกจากใช้กับข้าวโพดไร่แล้ว จะเหมาะสำหรับอ้อย อีกด้วย นอกจากนี้ ยารายังมีผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงกลุ่มเกษตรกรที่ปลูกข้าว ได้แก่ “ยาราวีต้า ข้าว” ซึ่งเป็นธาตุอาหารรองและเสริม ชนิดฉีดพ่นทางใบที่มีความเข้มข้นพิเศษ และมีความแตกต่างเนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ 2 อิน 1 หนึ่งเดียวในตลาดที่ผสมทั้งธาตุอาหารและสารเปียกใบในขวดเดียว รวมทั้งในปีนี้ ยารายังมีแผนแนะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ในเดือนสิงหาคมนี้อีกด้วย ได้แก่ “ยาราเรก้า” ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเม็ดสำหรับระบบน้ำ ที่เน้นเจาะตลาดพรีเมียม เช่น ภาคการเกษตรกรีนเฮาส์ โรงเรือนเกษตร หรือการเพาะปลูกพืชที่ให้ปุ๋ยในระบบน้ำหยด ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้ในฤดูแล้งที่เกษตรกรต้องควบคุมการให้น้ำแก่พืชอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งนับเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตอย่างสูง สำหรับการลงทุนใหม่ ๆ ในปีนี้คาดว่าจะมีการใช้เงินทุนอย่างน้อย 2 ล้านคอลลาร์สหรัฐ (หรือประมาณ 63 ล้านบาท) ในการขยายศักยภาพของโรงงาน และธุรกิจในประเทศไทย”
คุณปัญชลี วรรณพฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและสื่อสาร บริษัท ยารา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ด้านการสื่อสารการตลาดของแบรนด์ “ยารา” ปัจจุบันเรามุ่งเน้นสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ผ่านการสื่อสารแบบ Purposeful Branding ที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับทัศนคติที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์มากกว่าการขายสินค้า ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่การสร้างปรากฏการณ์การสื่อสารที่แตกต่างจากแบรนด์อื่นๆ ในตลาดปุ๋ยไทย ที่จะมุ่งเน้นการสื่อสารเกี่ยวกับคุณสมบัติของสินค้าเป็นหลัก โดยในโอกาสครบรอบ 115 ปีของแบรนด์ และครบรอบ 48 ปีในการดำเนินธุรกิจในไทยในปีนี้ ซึ่งเป็นปีที่ยากลำบากของเกษตรกรไทย เราจึงมุ่งให้ความสำคัญกับการสนับสนุนยืนเคียงข้างภาคเกษตรไทยให้ผ่านพ้นสถานการณ์อันท้าทายนี้ ด้วยการเปิดตัวแคมเปญ “115 ปี ปุ๋ยยารา เคียงข้างเกษตรกรนักสู้” ผ่านกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ตลอดทั้งปี 2563 อาทิ
· การสื่อสารการตลาดผ่านกลยุทธ์ Music Marketing ด้วยการสร้างสรรค์เพลง และมิวสิควิดีโอ “เกษตรกรผู้ยิ่งใหญ่” ที่ขับร้องโดยศิลปินแนวเพลงสร้างกำลังใจอย่าง ปู-พงษ์สิทธ์ คำภีร์ และราชินีเพลงลูกทุ่งตลอดกาล สุนารี ราชสีมา ทั้งสองศิลปินได้รับความนิยมในกลุ่มเกษตรกรและคนไทยมายาวนาน อีกทั้งยังมีเนื้อหาเพลงและดนตรีที่เป็นสื่อกลางในการเชิดชู และให้กำลังใจเกษตรกรไทย และยังสร้างการจดจำและความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับแบรนด์ โดยได้สื่อสารผ่านโฆษณาทางภาพยนตร์โฆษณาโทรทัศน์ วิทยุกระจายเสียงที่เป็นสื่อที่นิยมของเกษตรกรไทย สื่อนิตยสาร และช่องทางออนไลน์เพื่อเจาะสู่กลุ่มเกษตกรรุ่นใหม่ และสาธารณะชนอีกด้วย
· กิจกรรมมอบความช่วยเหลือและบรรเทาภาระของเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภาวะผลผลิตล้นตลาด ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤติโควิด-19 โดยจะมีโครงการบริจาคปุ๋ย ให้กลุ่มเกษตรกรมะม่วง ในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ พร้อมมีการสร้างสรรค์ช่องทางการตลาดออนไลน์ในแคมเปญ “Safe #เกษตรกรนักสู้ ยารารับฝากสวน” ให้กับเกษตรกรผ่านเฟสบุ๊คยาราประเทศไทยอีกด้วย
· กิจกรรมสร้าง Brand Engagement หรือความผูกพันในแบรนด์ของเกษตกร ซึ่งยาราได้เลือก จัดกิจกรรมเชิญชวนเกษตรกรประกวดร้องเพลง ในสกู๊ปรายการ ร้องได้ให้ล้าน ทางช่องไทยรัฐทีวี และการแข่งขันโหวตผู้ชนะทางเฟซบุ๊ค ยารา ประเทศไทย ตลอดเดือนกรกฏาคม เพื่อสนับสนุนแคมเปญการสื่อสาร Music Marketing และสนับสนุนกิจกรรมในไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเกษตรกร อีกด้วย
· นอกจากนี้ ยารายังได้ช่วยเหลือเกษตกรผู้ปลูกยางพารา ที่กำลังประสบปัญหาราคายางตกต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา โดยการปรับลดราคาจำหน่ายปุ๋ย”ยารามีรา แอ็ดว้านซ์ 21-7-14” ที่เป็นปุ๋ยคุณภาพอันดับ 1 ที่เกษตรกรผู้ปลูกยางพารานิยมใช้ เพื่อช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของเกษตรกรยางพาราที่เผชิญวิกฤตราคาผลผลิตตกต่ำอีกด้วย
ทิศทางอนาคตในตลาดไทยภายใต้ความท้าทายอันเหนือความคาดหมายของปี 2563 นี้ ยารายังได้นำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลฟาร์มมิ่ง (Digital Farming) หรือโซลูชั่นทางการเกษตรต่าง ๆ มาช่วยให้เกษตรกร ได้เข้าถึงข้อมูลองค์ความรู้ด้านธาตุอาหารพืชและการเกษตรจากยารา รวมทั้งยังได้ร่วมมือกับดีแทคเพื่อพัฒนาแอปพลิเคชั่นสำหรับร้านค้าตัวแทนจำหน่ายเพื่อเสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ในระบบสะสมคะแนนจากยอดซื้อมาแลกเป็นส่วนลดร้านค้าอีกด้วย
“เราเชื่อมั่นว่า กิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้แคมเปญนี้จะเป็นหนึ่งในความเคลื่อนไหวที่จะช่วยฟื้นฟูเกษตรกร และภาคเกษตรกรรมให้กลับมายืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง สามารถก้าวผ่านวิกฤต และท้ายที่สุดจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้กลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด” มิสเตอร์ เมดิ กล่าวสรุป
|