ทั้งนี้ จากข้อมูลของทริสเรทติ้ง ระบุว่า บริษัทฯ มียอดขายรอการรับรู้รายได้มูลค่า 2.94 หมื่นล้านบาท (รวมโครงการร่วมทุน)โดยบริษัทฯ จะส่งมอบยอดขายรอการรับรู้รายได้ในโครงการร่วมทุนให้แก่ลูกค้าในช่วงที่เหลือของปี 2563-2565
ดร.ชัยยุทธ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมาก โดยเฉพาะยอดขายและยอดโอน หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศเริ่มคลี่คลายลง และมีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ภาพรวมของกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับเข้าสู่สภาวะปกติ โดยสัญญาณดังกล่าวมีแนวโน้มดีขึ้นตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน ที่ยอดการเข้าเยี่ยมชมโครงการของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 300-400 คนต่อวัน จากช่วงก่อนหน้าที่ 100 คนต่อวัน ซึ่งสะท้อนว่ากลุ่มลูกค้ากลับมาให้ความสนใจซื้อที่อยู่อาศัยมากขึ้น ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังได้ปรับกลยุทธ์การตลาดและเพิ่มการขายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี และสามารถสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี
“ยอดขายในปัจจุบันทำได้แล้ว 7.5 พันล้านบาท หรือคิดเป็นเกือบ 50% ของเป้ายอดขายทั้งปีที่ตั้งไว้ 1.66 หมื่นล้านบาท ซึ่งแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/2563 ค่อนข้างดีกว่าที่คาด โดยเฉพาะเดือนเมษายน-พฤษภาคม ที่ทำยอดขายสูงถึง 3,000 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มรายได้ในครึ่งหลังของปี 2563 คาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยช่วงครึ่งปีหลังจะมีการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ทั้งหมด 5 โครงการ ในไตรมาส 3 มีจำนวน 4 โครงการ ประกอบด้วย Ashton Asoke-Rama 9, Ideo Q Sukhumvit 36 , Ideo Mobi Sukhumvit Eastpoint และ Ideo Ratchada-Sutthisan และไตรมาส 4 จะเริ่มทยอยโอนโครงการ Elio Sathorn-Wutthakat” ดร.ชัยยุทธกล่าว
สำหรับการออกและเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ในครั้งนี้ บริษัทฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินไปใช้เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ที่บริษัทฯ ออกเสนอขายไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ซึ่งบริษัทฯ สามารถใช้สิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนดเมื่อครบกำหนด 5 ปี ในเดือนสิงหาคม 2563 นี้ ทั้งนี้ หากบริษัทฯ ไม่ไถ่ถอนหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดเดิม ในด้านสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หุ้นกู้ชุดดังกล่าวจะไม่ถูกบันทึกเป็นทุนอีกต่อไป บริษัทฯ จึงต้องออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิม และจะได้สามารถนับเป็นส่วนของทุนได้ต่อไป โดยบริษัทฯ กำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับหุ้นกู้ฯ ในครั้งนี้ โดยปีที่ 1 ถึงปีที่ 5 อัตราคงที่อยู่ที่ 9.50% ต่อปี ปีที่ 6-25 เท่ากับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี บวก 8.93% ต่อปี ปีที่ 26 เป็นต้นไป เท่ากับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี บวก 9.68% ต่อปี ทั้งนี้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี จะถูกปรับทุกๆ 5 ปี เพื่อให้สะท้อนกับสภาวะดอกเบี้ยในขณะนั้น
สำหรับนักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ของ บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณ 100,000 บาท โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ ซึ่งประกอบด้วย
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-111-1111
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-888-8888 ต่อ 819
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร.02-777-6784
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร.02-626-7000
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย ซีมิโก้ จำกัด โทร. 02-695-5000
|