ทั้งนี้ เมอร์เซเดส-เบนซ์สร้างสรรค์โครงการ “Charge to Change” ขึ้นเป็นโครงการระยะยาวที่จะแบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่
· เฟสที่ 1 การกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เมอร์เซเดส-เบนซ์พบว่า ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดมักจะไม่ชาร์จพลังงานไฟฟ้า ด้วยสาเหตุสำคัญ 3 ประการคือ ไม่ทราบว่ารถยนต์ของตัวเองชาร์จได้ ไม่ทราบว่าจะชาร์จได้ที่ไหนบ้าง และไม่สนใจที่จะชาร์จเพราะเติมน้ำมันแล้วขับด้วยน้ำมันสะดวกกว่า เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงมุ่งสร้างความตระหนักรู้ ทั้งผ่านวิดีโอออนไลน์และการร่วมมือกับบุคคลชั้นนำในวงการต่าง ๆ เพื่อบอกเล่าเรื่องราวที่จะกระตุ้นให้ผู้ใช้รถยนต์รับรู้ว่า เพียงแค่ขับขี่ด้วยโหมดการขับขี่ไฟฟ้าในทุกวัน คุณก็สามารถมีส่วนช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 ได้ทันทีในทุกการขับขี่ และไม่จำเป็นต้องเป็นรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์เท่านั้น แต่ผู้ใช้รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดจากแบรนด์ใดก็สามารถมีส่วนช่วยสร้างสิ่งแวดล้อมที่สะอาดขึ้นได้เช่นกัน
· เฟสที่ 2 การสร้างเครือข่ายการชาร์จที่มีความพร้อมและสะดวกมากขึ้นสำหรับผู้ใช้รถ เมอร์เซเดส-เบนซ์จะร่วมมือกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในหลายวงการเพื่อขยายเครือข่ายการชาร์จ โดยเฉพาะการเพิ่มจำนวนสถานีชาร์จ เพื่อทำให้ประสบการณ์ในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าเป็นประสบการณ์ที่ทั้งสะดวกและเข้าถึงง่ายที่สุด
· เฟสที่ 3 สู่การสร้างบรรทัดฐานใหม่ในการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์มุ่งหวังให้โครงการนี้มีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นพื้นที่ของการขับขี่ด้วยพลังงานสะอาด ลดปัญหามลภาวะทางอากาศ สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น และสร้างสุขภาวะที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว
|