นายธนา กล่าวว่า โอสถสภาตระหนักดีว่า ในทุกวิกฤตจะมีโอกาสซ่อนอยู่ ในสถานการณ์โควิด-19 นี้ ไม่เพียงแต่มีกระแสความต้องการใหม่ๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะเทรนด์การดูแลสุขภาพ ยังมีกระแสการหันเข้าหาแบรนด์ที่ตนมีความเชื่อมั่น บริษัทฯ จึงเน้นสร้างโอกาสธุรกิจใหม่ๆ ขณะเดียวกัน ยังคงเดินหน้าขยายการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่เติบโตทั้งในประเทศและในภูมิภาค
เพื่อตอบสนองเทรนด์สุขภาพและสุขอนามัยที่ดี โอสถสภาได้ออกสินค้าใหม่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนบุคคลหลายชนิด อาทิ วิปโฟมล้างมือออร์แกนิค เนื้อโฟม อ่อนนุ่ม และสเปรย์ทำความสะอาดพื้นผิวและของใช้เด็ก ภายใต้แบรนด์เบบี้มายด์ เฮลตี้พลัส และสเปรย์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือภายใต้แบรนด์ ทเวลฟ์ พลัส นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มเช่นกัน ได้แก่ เครื่องดื่มบำรุงกำลังฉลามสูตรผสมวิตามินซี และต่อยอดผลิตภัณฑ์ซี-วิต ขยายจากรูปแบบเครื่องดื่มสู่รูปแบบเจลลี่ สามารถทานเป็นของว่างรองท้องระหว่างมื้อ
นอกจากนี้ โรงงานผลิตเครื่องดื่มในประเทศเมียนมาร์ได้เริ่มเดินเครื่องจักรเชิงพาณิชย์เมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ช่วยส่งเสริมศักยภาพการทำตลาดและอัตราการทำกำไรต่อหน่วยที่ดีขึ้น ส่วนการขยายโรงงานผลิตเครื่องดื่มในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมากกว่า 15% และสนับสนุนแผนการส่งออกผลิตภัณฑ์แบรนด์ ซี-วิต ไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอีกด้วย ความพร้อมของกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นนี้ และผลจากโครงการ Fit Fast Firm ที่คาดว่าจะบริหารค่าใช้จ่ายและลดต้นทุนการดำเนินงานได้มากกว่าแผน เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างการเติบโตระดับสองหลักในช่วงครึ่งปีหลังตามแผนที่วางไว้
ทั้งนี้ จากผลประกอบการที่เป็นไปตามแผน ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากงวดผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกของปี 2563 ในอัตรา 0.45 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 1,352 ล้านบาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันที่ 28 สิงหาคม 2563 และจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 11 กันยายน 2563
|