นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า มีความมั่นใจจะทำผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังได้ดีกว่าช่วง 6 เดือนแรกที่ผ่านมา หลังจากธุรกิจรับฝากและบริหารยานยนต์ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและมีรายได้รวมถึงผลกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คาดว่าจะกลับสู่ระดับปกติได้ในปีหน้า ส่วนธุรกิจรับฝากและบริหารสินค้าอันตรายและธุรกิจขนส่งสินค้า คาดว่าจะได้รับผลดีจากภาพรวมเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มค่อย ๆ ฟื้นตัวจากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล จะส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่มีความต้องการใช้วัตถุดิบและบริการด้านโลจิสติกส์เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนเพิ่มรายได้โดยขยายฐานลูกค้าธุรกิจ Cold Chain Express Delivery เพื่อจัดส่งสินค้าแบบ B2C (Business to Customer) ที่กำลังเติบโตหลัง COVID-19 และการร่วมมือกับ Transimex corporation พาร์ทเนอร์ด้านโลจิสติกส์ในประเทศเวียดนาม ให้บริการธุรกิจขนส่งสินค้าข้ามแดนที่มีเส้นทางเชื่อมต่อประเทศไทย กัมพูชา และเวียดนาม ในขณะเดียวกันได้เน้นการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้มีค่าใช้จ่าย SG&A ลดลงเหลือ 313.9 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 353.3 ล้านบาท
“จุดแข็งของ JWD คือเรามี Strength in Diversify หรือความแข็งแกร่งจากพอร์ตธุรกิจและฐานลูกค้าด้านบริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนที่หลากหลาย รวมถึงกระจายการลงทุนในภูมิภาคอาเซียน ทำให้เราสามารถผ่านวิกฤตต่าง ๆ และผลกระทบจาก COVID-19 ได้อย่างแข็งแกร่ง ฐานะการเงินของบริษัทฯ ยังเข้มแข็งไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง และมั่นใจว่าด้วยโมเดลธุรกิจที่วางไว้เราจะสามารถสร้างการเติบโตจากการขยายธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน” นายชวนินทร์ กล่าว
|