แสนสิริ ลุยโอน เดอะเบส สะพานใหม่ มูลค่าโครงการ 2,800 ลบ.
 บุกตลาดคอนโดฯตอบโจทย์เรียลดีมานด์ต่อเนื่อง
ชี้ทำเลศักยภาพใจกลางย่านสะพานใหม่ ดีมานด์โตเฉลี่ย 30%
มั่นใจดันยอดโอนคอนโดรวมปี 63 ตามเป้า 24,500 ลบ.

·        ชี้ดีมานด์ย่านสะพานใหม่เติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง โตเฉลี่ยปีละ 30% ขึ้นแท่นทำเลศักยภาพแห่งอนาคตด้วยโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว พร้อมรองรับส่วนเชื่อมต่อสายสีชมพูและสนามบินดอนเมือง phase 3 ในอนาคต รายล้อมไปด้วย มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาล และหน่วยงานของรัฐ 

·        สานต่อความสำเร็จแบรนด์ เดอะ เบส ด้วยแนวคิด “MARK BY BASE” ชูคอนเซ็ปต์การออกแบบเอาใจคนรุ่นใหม่ “เติมเต็มชีวิตทุกมุม...ให้สมบูรณ์แบบ” ด้วยส่วนกลางจัดเต็ม 3 ไร่ ครบทั้ง Club House, Co-working space และ Panoramic Gym 24 ชม.!! เริ่มเพียง 2.59 ล้าน*

นายปิติ จารุกำจร รองกรรมการผู้จัดการฝ่านพัฒนาโครงการแนวสูงและบริหารกลยุทธ์โครงการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า บีทีเอส กรุ๊ปฯ และ แสนสิริ ได้ร่วมทุนกันพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในแนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชน โดยล่าสุดได้เดินหน้าโอนโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่คอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส (THE BASE) ในชื่อโครงการ “เดอะ เบส สะพานใหม่” (THE BASE Saphanmai) จำนวน 820 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,800 ล้านบาท โดยโครงการได้รับการตอบรับจากกลุ่มเรียลดีมานด์เป็นอย่างดี ปัจจุบันโครงการเดอะ เบส สะพานใหม่ มียอดขายกว่า 80% ของจำนวนห้องที่เปิดขาย โดย 60% จากยอดขายเป็นผู้ที่ต้องการอยู่อาศัยจริง สะท้อนเรียลดีมานด์ของผู้ซื้อในกลุ่มตลาดคอนโดในเซ็กเม้นต์ C และ D ซึ่งเป็นตลาดที่แสนสิริเล็งเห็นถึงศักยภาพในปัจจุบัน ล่าสุดเตรียมเดินหน้าโอนโครงการ เดอะ เบส สะพานใหม่ บนทำเลศักยภาพใจกลางย่านสะพานใหม่ ซึ่งจากครึ่งปีแรกแสนสิริมียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์และส่งมอบให้กับลูกค้าสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 28,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่ง การคิดและนำเสนอโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้า รวดเร็วทันตลาด ตลอดจนการดูแลลูกค้าอย่างดีที่สุดที่เป็นหัวใจสำคัญของแสนสิริ ที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า 

 “เดอะ เบส สะพานใหม่” ตั้งอยู่ในทำเลสะพานใหม่ ซึ่งเป็นทำเลแห่งอนาคตที่มีศักยภาพสูง อยู่ติดกับบีทีเอสสถานีสายหยุด เพียง 30 เมตร เป็นรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ที่ปัจจุบันสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้ใช้บริการในเดือนตุลาคม ทั้งนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวได้ขยายความสะดวกไปทางโซนกรุงเทพตอนเหนือ ทำให้หลายๆ พื้นที่ที่รถไฟฟ้าสายนี้ผ่านมีศักยภาพมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งย่านสะพานใหม่ ซึ่งเป็นทำเลที่มีจุดเด่นหลากหลาย มีความเป็นชุมชนเก่า ใกล้สถานที่สำคัญต่างๆ ทั้งมหาวิทยาลัย เช่น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพียง 7 สถานี, มหาวิทยาลัยศรีปทุม เพียง 5 สถานี ใกล้โรงพยาบาลเช่น โรงพยาบาลภูมิพล, โรงพยาบาลเซ็นทรัล เจ็นเนอร์รัล อีกทั้งยังใกล้กับสถานที่ราชการสำคัญๆ เช่น ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ, กองทัพอากาศ, กรมป่าไม้ อีกทั้งยังพร้อมรองรับกับโครงการในอนาคต อาทิ รถไฟฟ้าสายสีชมพูส่วนต่อขยายที่จะตัดกันที่สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ และสนามบินดอนเมือง phase 3 จึงส่งผลให้ทำเลนี้กลายเป็นทำเลศักยภาพในอนาคต 

ดีมานด์ในพื้นที่ย่านสะพานใหม่นั้นเติบโตสูงเฉลี่ย 30% ต่อปี โดยในปี 2017 โตสูงถึง 77% นอกจากนี้พื้นที่บริเวณสะพานใหม่ยังมีราคาที่ดินที่เติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการศึกษาของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์พบว่า อัตราการเติบโตของราคาที่ดินเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ (คูคต-ลำลูกา) เพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 61.3% ขณะที่ราคาขายต่อของโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมาในย่านสะพานใหม่ก็ได้รับการตอบรับค่อนข้างดี ส่วนใหญ่สามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้น โดย Capital Gain อยู่ที่ 3% ต่อปี ขณะที่การปล่อยเช่าก็สามารถทำราคาได้ดีเช่นกัน โดยมีราคาค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 9,000 – 20,000 บาท โดย Yield อยู่ที่ 5%” คุณปิติกล่าว

เดอะ เบส สะพานใหม่ สานต่อความสำเร็จแบรนด์ เดอะ เบส ภายใต้แนวคิด MARK BY BASE ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในการใช้ชีวิตด้วยความเป็นตัวของตัวเอง สะท้อนการใช้ชีวิตที่เป็นตัวตนในแบบฉบับของคุณบนพื้นที่ที่คุณเลือก ผ่านสามแกนแนวคิดในการพัฒนาโครงการได้แก่ เป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ใกล้เมืองที่เดินทางสะดวก, ดีไซน์การออกแบบและฟังก์ชั่นที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ และราคารที่เข้าถึงง่ายตอบโจทย์เรียลดีมานด์ โครงการ เดอะ เบส สะพานใหม่เป็นอาคารพักอาศัยความสูง 14 ชั้น ชูคอนเซ็ปต์ “เติมเต็มชีวิตทุกมุม...ให้สมบูรณ์แบบ” ที่นำเสนอความย้อนแยงระหว่างดีไซน์และบริบทโดยรอบของพื้นที่โครงการ ด้วยโลเคชั่นที่รายล้อมไปด้วยความแข็งแรง โครงการจึงถูกออกแบบด้วยแนวคิดของความแตกต่างเพื่อเติมเต็มพื้นที่ให้นุ่มนวล สื่อด้วยการใช้เส้นตั้งบางเบาเป็นหลักเสริมด้วยการสะบัดลวดลายให้ความรู้สึกดูพลิ้วไหวตามลม เริ่มจากตัวอาคารทรงทึบเน้นหนักแน่นเป็นชิ้นเดียว แล้วค่อยๆ ยกตัวแยกเป็นสองอาคารด้านบน

ครั้งแรกกับ The Sunshine Atrium โถงอาคารที่มี skylight ขนาดใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติ เสมือนยกเอาสวนภายนอกมาไว้ภายในอาคารซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่แบรนด์ เดอะ เบส หยิบเอาโถงขนาดใหญ่พร้อมต้นไม้นานาพันธุ์มาไว้ในตัวอาคารเพื่อให้ตอบโจทย์ความผ่อนคลายอย่างแท้จริง โดยการออกแบบถูกล้อไปกับ Internal Landscape Pavilion บริเวณ
ล็อบบี้ที่ด้านหน้าโครงการที่ต้อนรับด้วยบรรยากาศธรรมชาติ และดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์ ความไม่คุ้นตาสร้างความรู้สึกเหนือคาดหมาย ด้วยต้นไม้ห้อยจากเพดานกระเบื้องหินอ่อนเหมือนลวดลายของพรม ทั้งหมดผ่านการคิดเพื่อมุมมองใหม่ ให้การอยู่อาศัยที่นี่ไม่จำเจ

ไฮต์ไลท์ของโครงการ เดอะ เบส สะพานใหม่คือความพยายามสร้างสรรค์พื้นที่เพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่
การทำงานและการพักผ่อนสามารถทำได้ในเวลาเดียวกันและไม่ถูกจำกัดอยู่ ณ ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง การออกแบบ
Co-working Space บริการ 24 ชั่วโมง บนพื้นที่กว่า 280 ตารางเมตร  สะดวกทั้งการนัดประชุม พูดคุยธุรกิจส่วนตัว หรือนำเสนอไอเดียใหม่ๆ เปลี่ยนมุมมองของการทำงานให้สร้างสรรค์กว่าเคย Panoramic Gym ฟิตเนสขนาดใหญ่ให้มุม 270 องศา ที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อตอบโจทย์เทรนด์รักสุขภาพของคนรุ่นใหม่ให้อิสระจากข้อจำกัดของเวลา เพลิดเพลินกับทิวทัศน์รอบด้าน สนุกกับเครื่องออกกำลังกายสุดล้ำสัมผัสวิวพาโนรามา สลับกับภาพสะท้อนจากกระจกที่ตกแต่งภายใน Changing Room ตกแต่งด้วยหิน Terrazzo ที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศอิตาลี โดยแบ่งห้องชายหญิงเป็นสีฟ้าและส้มตามคอนเซ็ปต์ บริเวณดาดฟ้าประกอบด้วย Sunset Garden สวนสวยตัดเส้นขอบฟ้าพร้อมสัมผัสมุมสุดโรแมนติกยามค่ำคืน ด้วยการนั่งดูดาวที่ Star Lounge อีกทั้งยังประกอบด้วย Jogging Track สำหรับการออกกำลังกายโดยการวิ่งเบาๆ และแหล่งเรียนรู้ Educational Playground ที่ออกแบบร่วมกับ รพ.สมิติเวช ตลอดจน Sunrise Lagoon สระว่ายน้ำที่ออกแบบในสไตล์ Infinity Lap Pool พร้อมสำหรับทุกการพักผ่อนด้วยห้องพักทั้งหมด 4 ประเภท ขนาด 24 – 55.75 ตารางเมตร โดยไฮต์ไลท์ของโครงการ เดอะ เบส สะพานใหม่ อยู่ที่ห้องดีไซน์ Loft ที่ชั้น 14 ของโครงการ

ทั้งนี้ เดอะ เบส สะพานใหม่ มาพร้อมกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ พร้อมให้ทุกคนลากกระเป๋าพร้อมเข้าอยู่ ด้วยฟรี! เฟอร์นิเจอร์, ฟรีเครื่องใช้ไฟฟ้า ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท โดยเตรียมทะยอยโอนตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป พร้อมเอาใจกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่และอำนวยความสะดวกแก่ลูกล้าด้วย Multi-channel and Online Booking ซื้อขายครบในทุกช่องทางในการค้นหาข้อมูล ติดต่อสอบถาม อาทิ Sansiri LINE Official Account, Facebook @Sansiri PLC, เว็บไซต์ www.sansiri.com, และในช่องทางใหม่ “24 Hrs. Online Booking”