นายเกรียงชัย กล่าวด้วยว่า จากการดำเนินธุรกิจของ “ซีพี ออลล์” ที่ก่อให้เกิดการจ้างงานสูงถึง 170,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในภาวะที่แรงงานกำลังเผชิญความยากลำบากจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้การออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัทฯ ในครั้งนี้จะเป็นโอกาสครั้งสำคัญของผู้ลงทุนที่ไม่เพียงจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคงเท่านั้น แต่จะเป็นโอกาสที่ส่งต่อไปยังภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแรงงานไทยที่สามารถเข้าสู่ระบบการจ้างงานได้มากขึ้น รวมถึงธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีช่องทางในการจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น ดังนั้น การลงทุนในหุ้นกู้ “ซีพี ออลล์” จึงเป็นการลงทุนที่สร้างโอกาส ตามปณิธานองค์กร “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสให้ทุกคน”
ในขณะเดียวกัน ผู้ลงทุนยังเชื่อมั่นได้ในความมั่นคงของกิจการ เพราะนอกจาก “ซีพี ออลล์” จะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวม (Market Cap) ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว บริษัทฯ ยังเป็นธุรกิจค้าปลีกระดับโลกที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นผู้นำด้านองค์กรความยั่งยืน อันดับ 1 ของกลุ่ม World Index ประเภท Food & Staples Retailing Industry ในกลุ่มดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices หรือ DJSI) รวมถึงได้รับคัดเลือกให้เข้าเป็นสมาชิกในดัชนีหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และในปี 2563 นี้บริษัทฯ ยังได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนี FTSE4 Good Index ในกลุ่ม Food & Drug Retailers เป็นปีที่ 3 ซึ่งเป็นดัชนีที่ได้รับความเชื่อถือระดับโลก สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลที่แข็งแกร่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากลของ “ซีพี ออลล์” อีกด้วย
สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ บมจ.ซีพี ออลล์ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงิน
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โทร. 1333
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 819
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784
บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-305-9442
|