4.เทคโนโลยีการออกแบบและการก่อสร้าง (Smart & Sensible Design & Construction) สอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติในด้าน Good Health and well-being, Industry Innovation and Infrastructure, Sustainable Cities and Communities และ Responsible Consumption and Production ซึ่ง MQDC ถือเป็นภาคเอกชนรายแรกๆ ของไทยที่มีการนำระบบ Building Information Modeling (BIM) มาใช้ในการพัฒนาและบริหารจัดการก่อสร้างโครงการให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น โครงการ 101 ทรู ดิจิทัล พาร์ค ซึ่งยังเป็นโครงการที่มีการใช้เทคโนโลยีในการผลิตพลังงานไฟฟ้าจากแรงสั่นสะเทือนของการเดินและยังมีการออกแบบและก่อสร้างภายใต้ MQDC Standard ทุกโครงการ เพื่อการรับประกันได้นานถึง 30 ปี ใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ การรั่วซึมของหลังคาหรือดาดฟ้าของอาคาร โครงสร้างอาคาร การใช้งานประตูหน้าต่าง และงานระบบท่อน้ำและสายไฟ เพื่อคุณภาพที่ดี ลดการซ่อมแซม ลดการใช้วัสดุทรัพยากรธรรมชาติตลอดช่วงอายุอาคาร
5.เทคโนโลยีและการควบคุมอัตโนมัติ (Technology & Automation) สอดคล้องกับหลักการทางด้าน Good Health and well-being ของสหประชาชาติ โดยการนำระบบเติมอากาศแบบแลกเปลี่ยนอุณหภูมิ (ERV: Energy Recovery Ventilator) ทำให้สามารถหมุนเวียนอากาศที่ดีเข้ามาในที่อยู่อาศัย และเพิ่มปริมาณออกซิเจนในห้องปรับอากาศให้เหมาะสมกับปริมาณผู้อยู่อาศัย พร้อมทั้งทำงานร่วมกับระบบบ้านอัจฉริยะ (Home Intelligent System) อีกด้วย รวมถึงการนำระบบ Central Utilities Plant (CUP) และ “หุบความเย็น” (Cooling Basin) มาใช้ในโครงการ THE FORESTIAS ช่วยลดจำนวนคอยด์ทำความร้อนในที่อยู่อาศัย โดยระบบจะรวมความร้อนไปรวมที่จุดเดียว แล้วส่งน้ำเย็นเปลี่ยนเป็นแอร์เย็นหล่อเลี้ยงบ้านผู้อยู่อาศัย ดังนั้น ทำให้อุณหภูมิลดลง 2-3 องศา และลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซต์สู่อากาศถึง 30,000 ตันต่อปี เทียบเท่ากับปลูกต้นไม้ 750,000 ต้น หรือ ปลูกป่าถึง 30,000 ไร่ และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 40% เมื่อเทียบกับโครงการทั่วไป
6.การลดผลกระทบจากการเดินทาง (Active & Low impact Mobility) สอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติในเรื่องของ Good Health and well-being และ Climate Action โดยการออกแบบเพื่อลดการใช้รถยนต์ ลดการตัดถนน ส่งเสริมพฤติกรรมการเดิน ซึ่งจะช่วยลดมลภาวะจากการใช้รถยนต์ลงได้ อย่างโครงการ 101 True Digital Park ได้มีการสร้างสกาย วอล์ค เชื่อมต่อเข้าสู่โครงการ และยังมีการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่ส่งเสริมการเดิน การใช้จักรยาน หรือแม้แต่มีการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Charger) รวมถึงโครงการ THE FORESTIAS ที่จะมีการออกแบบพื้นที่ปิดชัดเจน รถยนต์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ออกแบบสร้างพื้นที่การเรียนรู้ และพักผ่อนหย่อนใจที่มีความร่มรื่น ส่งเสริมให้เกิดการเดินและใช้ชีวิตภายนอกอาคารมากขึ้น
7.การสร้างชุมชน เผยแพร่ความรู้ และความเข้าใจคนทุกวัยทุกชนชาติ (Community & Intergens) สอดคล้องกับหลักการของสหประชาชาติในเรื่องของ Quality Education, Gender Equality และ Partnerships for the Goals โดยการศึกษาทำความเข้าใจทุกการเปลี่ยนแปลงของมนุษย์เพื่อนำมาสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับทุกช่วงวัย ตั้งแต่เริ่มมีชีวิตในท้องแม่ จนเติบโตเข้าสู่วัยเรียน วัยทำงาน และวัยชรา เพื่อที่จะได้ออกแบบที่รองรับกับการเปลี่ยนแปลงของคนทุกช่วงวัย และส่งเสริมความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ดังเช่น การศึกษาของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่พบว่า ความสุข คือ การได้มีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับผู้อื่น ทำให้การออกแบบโครงการเน้นการมีพื้นที่ส่วนกลางให้เกิดกิจกรรมร่วมกัน อาทิ โครงการภายใต้แบรนด์ Mulberry Grove มีการออกแบบเพื่อให้ทุกเจนเนอเรชั่นสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ลดความขัดแย้งภายในครอบครัว รวมทั้ง RISC ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยมหิดล ทำการศึกษาการทำงานของสมองโดยใช้เครื่องมือวัดคลื่นสมองว่าแต่ละสภาพแวดล้อมมีผลต่อการรับรู้อย่างไร เพื่อมาออกแบบเป็นที่อยู่อาศัยที่สร้างความสุขให้กับลูกบ้านยิ่งขึ้น
“RISC by MQDC ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยแห่งแรกของเอเชียที่มุ่งเน้นด้านการส่งเสริมสุขภาวะและความเป็นอยู่ที่ดีของทุกสรรพสิ่งบนโลก หรือ ‘For All Well-Being’ มีความพร้อมในการทำงานวิจัย 7 ด้านหลัก เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนให้กับทุกชีวิต และสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals) ทั้ง 12 ข้อ และขยายเป็น 17 ข้อในอนาคต” รศ.ดร.สิงห์ กล่าว
|