ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของ SFT ที่มีความสามารถด้านการผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ทั้งระบบการพิมพ์แบบ กราเวียร์และแบบดิจิทัล จึงสามารถตอบสนองความต้องการฉลากฟิล์มหดรัดรูปของลูกค้า ทั้งในด้านคุณภาพ ปริมาณและความรวดเร็ว โดยบริษัทฯ มีแผนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 185 ล้านเมตรต่อปี จากเดิมมีกำลังการผลิต 133 ล้านเมตรต่อปี รวมถึงเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เช่น ฟิล์มหดรัดรูปในกลุ่มฟิล์มใสที่มีความหดตัวสูง (POF Shrink Film) และกลุ่มบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ส่งผลให้ฟิล์มหดรัดรูปของ SFT เข้าไปช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์ของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ส่วนเป้าหมายปีนี้ SFT มั่นใจว่าจะเติบโตเป็นเลข 2 หลัก หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% แม้มีสถานการณ์ COVID-19 และปัจจัยความอ่อนไหวทางด้านการเมือง หลังภาพรวมการดำเนินงานช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม-มิถุนายน 2563) SFT สามารถทำรายได้รวม 330.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.05% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และมีกำไรจากการดำเนินงาน 49.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.38% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน
“เรามีเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions แบบครบวงจร ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปในภูมิภาคอาเซียน โดยความมุ่งมั่นนำเสนอสินค้าและบริการที่ครบวงจรเข้าไปช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์สินค้าของลูกค้าทั้งรายเดิมและขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มเติม ส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของเราเติบโตได้อย่างยั่งยืน” นายซุง ชง ทอย กล่าว
นายคมกฤต มีคำสัตย์ กรรมการผู้จัดการ สายงานตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น กล่าวว่า SFT เป็นบริษัทที่มีศักยภาพดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากการเป็นหนึ่งในผู้นำการให้บริการ Labeling Solutions ด้วยผลิตภัณฑ์ฉลากฟิล์มหดรัดรูปแบบครบวงจร ตั้งแต่ การให้คำปรึกษาเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ การเลือกรูปทรงบรรจุภัณฑ์และการออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์ รวมถึงให้คำปรึกษาด้านเทคนิคการหดตัวของฉลากฟิล์ม (ชริ้ง) เพื่อตอบสนองความต้องการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ความงามและของใช้ในครัวเรือน
ทั้งนี้ SFT ยังเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางธุรกิจ จากแผนลงทุนขยายกำลังการผลิตและเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ช่วยให้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการต้นทุนด้านการผลิตที่ดี รวมถึงแนวทางดำเนินงานที่มีทีมบุคลากรทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาฉลากฟิล์มหดรัดรูปให้เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ของลูกค้า มุ่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แบรนด์สินค้าเป็นผลให้ที่ผ่านมา SFT ได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายมายาวนาน อาทิ บริษัท โออิชิ เทรดดิ้ง จำกัด, บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป, บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง, บริษัท คอสมอส บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เบทเตอร์เวย์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น
และด้วยปัจจัยดังกล่าว ทำให้ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ SFT มีอัตราเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2560-2562) มีอัตราเติบโตของกำไรสุทธิเฉลี่ย (Compound Average Growth Rate: CAGR) ร้อยละ 70.65 สะท้อนความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการ ส่งผลให้การเปิดจองซื้อหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 19-22 ตุลาคมที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 3.80 บาท ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก โดยพบว่า หุ้นที่จัดสรรให้แก่นักลงทุนสถาบันจำนวน 30% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมด มีไม่เพียงพอต่อความต้องการซื้อ จึงเชื่อมั่นว่า เมื่อ SFT เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ นั้น จะเป็นหุ้น Growth Stock ที่ได้ความสนใจจากนักลงทุนอย่างแน่นอน
|