ส่วนสิ่งที่เหนือความคาดหมายคือ งานนี้มียอดเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) สูงเป็นประวัติการณ์ โดยมีจำนวนคู่เจรจาธุรกิจมากถึง 293 คู่ แบ่งเป็นการจับคู่กับคู่ค้าภายในประเทศไทย 206 คู่ และการจับคู่กับคู่ค้าต่างประเทศทั้งประเทศจีน ลาว กัมพูชา รวม 87 คู่ โดยประเทศที่ผู้ประกอบการสนใจเจาะตลาดมากที่สุดคือ ประเทศกัมพูชา และประเภทธุรกิจที่เข้าร่วมเจรจามากที่สุด คือธุรกิจอาหารแปรรูป คิดเป็นร้อยละ 70 รองลงมาคือ ธุรกิจความงาม และธุรกิจผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค
ด้านกิจกรรมสัมมนาและอบรมอาชีพฟรี เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยหัวข้ออบรมและเวิร์คช็อป ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ หลักสูตร ชง ชิม ช้อป กับแชมป์บาริสต้า 4 สมัย , เปิดโลกกัญชา กัญชง และ กระท่อม โดยThai Herb , การสร้างโอกาสการขายบน TikTok , ทำการตลาดออนไลน์ ให้เหนือคู่แข่งหลังยุค COVID- 19 , YouTuber เปลี่ยนสายตาและประสบการณ์ชีวิตเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นต้น โดยผู้ที่เข้าร่วมฟังและอบรมรวมเกือบ 1,000 คน
นางสาวณรินณ์ทิพ กล่าวต่ออีกว่า สำหรับหน่วยงานให้บริการและส่งเสริมเอสเอ็มอีที่ร่วมงานครั้งนี้ยังคงได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเช่นทุกปี อาทิ สสว. ซึ่งมาให้บริการรับขึ้นทะเบียนจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้กับเอสเอ็มอี สำนักงานเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ที่มาโชว์นวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่ๆเพื่อให้เอสเอ็มอีได้เรียนรู้ เป็นต้น
“เราจัดงานครั้งนี้ขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตรอบด้าน แต่สิ่งที่เราพบคือ ผู้ประกอบการและคนทั่วไป ก็ยังต้องการโอกาสและช่องทางเสริมรายได้ รวมทั้งความรู้ต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นคง และขอขอบคุณพันธมิตรทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ทำให้งานครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และร่วมกันสร้างผู้ประกอบการ หรือ เอสเอ็มอีหน้าใหม่เพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นอีกแรงหนึ่งที่ช่วยพัฒนาเอสเอ็มอีไทย”
ทั้งนี้บริษัท พีเอ็มจี คอร์ปอเรชั่น ได้วางแผนจัดงาน Smart SME EXPO ในปีหน้า โดยจะขยายการจัดงานเป็น 4 ครั้ง แบ่งเป็นที่กรุงเทพฯ 1 ครั้ง หัวเมืองในภูมิภาค 3 ครั้ง เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการและผู้สนใจในต่างจังหวัด สามารถเข้าร่วมงานได้สะดวกขึ้น โดยสามารถติดตามข่าวสารได้ทาง https://expo.smartsme.co.th/
|