ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่สนับสนุนผลงานในไตรมาสนี้ มาจากผลิตภัณฑ์ป้ายแสดงราคาสินค้าอิเล็กทรอนิคส์ในกลุ่มอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิคส์ที่ทำสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 18% ของยอดขายรวมทั้งหมด จากไตรมาสก่อนที่มีสัดส่วนยอดขาย 15% และผลิตภัณฑ์กล้องวงจรปิดอัจฉริยะในกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายไร้สายสำหรับการสื่อสาร ซึ่งเป็นพอร์ตที่ทำสัดส่วนยอดขายสูงสุดมีอัตราเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการบริหารจัดการป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนที่ดีและค่าเสื่อมราคาเครื่องจักรปรับตัวลง ส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (มกราคม-กันยายน) มีกำไรสุทธิสูงถึง 585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับ 9 เดือนแรกของปี 2562 ที่มีกำไรสุทธิ 343 ล้านบาท
“เราพอใจมากที่ผลักดันอัตราการทำกำไรสุทธิในไตรมาส 3 สูงขึ้นเป็น 5.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการทำกำไรสุทธิ 2.9% และยังส่งผลดีต่อภาพรวมกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจของ SVI และความสำเร็จในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ เพิ่มเติม เพื่อนำขีดความสามารถด้านการผลิตและการบริหารจัดการด้านต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ในภาคอุตสาหกรรมที่ยังคงเติบโตได้ดีแม้มีปัจจัยลบด้าน COVID-19 ก็ตาม” นายสมชาย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่าเป้ายอดขายปีนี้เติบโต 10-15% ได้ตามแผน โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุปกรณ์ไมโครอิเล็กทรอนิคส์และกลุ่มอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมและระบบเครือข่ายไร้สายสำหรับการสื่อสาร เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญทางธุรกิจ รวมถึงการบริหารต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพและป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินให้สอดคล้องกับทิศทางการเติบโตเพื่อสนับสนุนผลการดำเนินงานในปีนี้
|