โดยการบริการด้านงานช่างซ่อมบำรุงของพลัสฯ โดดเด่นด้วยการดูแล 3 ด้านอย่างมืออาชีพ ประกอบด้วย การดูแลแบบป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Preventive) เพื่อลดมูลค่าความเสียหาย มีขั้นตอนทำงานที่ชัดเจนรัดกุม และทำงานประสานกับทีมวิศวกรจากส่วนกลางในการตรวจเช็คเพื่อสร้างความอุ่นใจ ถัดมาคือการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นหน้างานได้ทันท่วงที (Corrective) มีการจัดทำ Big Data โดยรวบรวมข้อมูลปัญหาต่างๆ ที่เคยเกิด ทำให้ทีมงานสามารถเข้าถึงวิธีการและแนวทางการจัดการตลอดจนวิธีการแก้ไข และได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญได้ทันเวลา และสิ่งสำคัญประการสุดท้ายคือการบำรุงรักษาทางกายภาพของโครงการ (Improvement) ให้สวยงาม รักษามูลค่าให้เหมือนวันแรก นอกจากนี้เพื่อความอุ่นใจอีกขั้น ยังมีทีมวิศวกรและช่างที่คอยให้ความช่วยเหลือจากส่วนกลาง พร้อมเข้าพื้นที่เมื่อมีเหตุจำเป็น
“มูลค่าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นมานั้น มีปัจจัยประกอบหลายประการ ซึ่งสภาพแวดล้อมภายในโครงการ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลกับราคาของอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตอย่างมาก หากโครงการนั้นได้รับการดูแลหรือการบริหารจัดการอย่างดีให้คงสภาพเหมือนกับวันแรกที่ซื้อมา ย่อมส่งผลต่อมูลค่าโครงการในอนาคต ซึ่งการทำงานของพลัสฯ สะท้อนออกมาเป็นผลงานที่ลูกค้าจับต้องได้ ลูกค้าจะได้โครงการที่มีสภาพดีน่าอยู่ สามารถคงสภาพได้สวยงามในระยะยาว เช่น โครงการควอทโทร บาย แสนสิริ ที่พลัสฯ ดูแลตั้งแต่วันแรก มีอายุกว่า 10 ปี ปัจจุบันมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 52% โครงการเดอะ ริเวอร์ คอนโดมิเนียม โดยพลัสฯ เริ่มดูแลตั้งแต่ปี 2559 และปัจจุบันมีราคาเพิ่มขึ้นกว่า 20% ซึ่งได้รับการดูแลโดยทีมช่างที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ เข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการดูแลในรายละเอียด วัสดุประเภทต่างๆ และการบำรุงรักษาที่ถูกต้องเหมาะสม เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของโครงการในระยะยาว ไม่เพียงเท่านี้ลูกบ้านและผู้พักอาศัยยังได้รับการดูแลการใช้ชีวิตในด้านอื่นๆเสริม เช่น ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาด้านอินเตอร์เน็ต เครื่องปรับอากาศ ซึ่งล่าสุดเราได้ร่วมมือกับหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทั้งภาครัฐและเอกชนมาร่วมให้ความรู้และจัดหลักสูตรพิเศษ โดยพลัสฯ ยังคงพัฒนาศักยภาพทีมงานให้มีความเชี่ยวชาญ มีทักษะพิเศษใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ตลอดจนนำเทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน เพื่อส่งมอบการบริหารจัดการที่เป็นพิเศษครบทุกมิติในด้านการอยู่อาศัย” นางสาวนฤมล กล่าว
|