และความร่วมมือในระดับเชิงลึก คือการร่วมส่งบุคลากรเข้าไปเป็นทีมงานจิตอาสาร่วมกับทีมงาน Local Alike เพื่อให้ความรู้กับชุมชนแห่งใหม่ๆ ที่กำลังอยู่ในระหว่างพัฒนา โดยที่ผ่านมา กว่าแต่ละชุมชนจะพร้อมรับนักท่องเที่ยวได้ต้องใช้ระยะเวลานานหลายปี เนื่องจากชุมชนใหม่ๆ อาจจะยังขาดความรู้ ความเข้าใจ และความพร้อมในเรื่องของการรับมือกับนักท่องเที่ยว กลุ่มดุสิตธานีจึงใช้จุดแข็งในเรื่องของการมีประสบการณ์และยังมีหน่วยงานด้านการศึกษา เช่น วิทยาลัยดุสิตธานี ส่งทีมงานและบุคลากรที่มีความรู้เข้ามาช่วยเสริม และทำงานร่วมกันกับ Local Alike ในการให้ความรู้คนในชุมชนใหม่ๆ เพื่อยกระดับการดูแลนักท่องเที่ยวให้ได้มาตรฐานทั้งในเรื่องของความสะอาด ความสะดวกสบาย และยังร่วมสนับสนุนกิจกรรมช่วยสนับสนุนรายได้เสริมด้านอื่นๆ ให้กับชุมชนอีกด้วย อาทิ “โลเคิล อร่อย” (Local Aroi) ที่ส่งเสริมให้ชุมชนได้มีทักษะการประกอบอาหารอย่างมืออาชีพ ให้มีศักยภาพในการจัดเลี้ยงอาหารนอกสถานที่แบบพิเศษ ที่นอกจากจะได้อิ่มเอมจากอาหารอร่อยจากท้องถิ่นแล้ว ยังได้ซึมซับวิถีชีวิต วัฒนธรรม อัตลักษณ์ของชุมชนอีกด้วย และ “โลเคิล อลอท” (Local Alot) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชุมชน ที่ถูกพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและได้มาตรฐานสากล เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นและชุมชนอย่างยั่งยืน
คุณสมศักดิ์ บุญคำ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โลเคิล อไลค์ จำกัด กล่าวว่า “ผมรู้สึกขอบคุณและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่กลุ่มดุสิตธานี เห็นถึงคุณค่าของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน รวมถึงสนับสนุนการทำงานของเราอย่างเต็มที่ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เราได้ทำงานร่วมกับทีมงานของดุสิตในแต่ละพื้นที่ และประสานความร่วมมือกับ “ชุมชน” ให้ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบเส้นทางท่องเที่ยวและมีศักยภาพในการจัดการการท่องเที่ยวโดยชุมชนได้เอง เพื่อให้ลูกค้าทุกคนได้รับประสบการณ์คุณภาพจากการท่องเที่ยวในเชิงวัฒนธรรมและวิถีชีวิตพื้นถิ่น นอกจากนี้ เรากำลังวางแผนร่วมมือกับดุสิตฯ ในการต่อยอดขยายพื้นที่การทำงานออกไปสู่ชุมชนท้องถิ่น ซึ่งการสนับสนุนของดุสิตฯ ในเรื่องของเทรนนิ่ง น่าจะทำให้เป้าหมายในการขยายจำนวนชุมชน สามารถดำเนินการได้เร็วขึ้นกว่าเดิม”
นอกจาก Dusit Local Explorer แล้ว กลุ่มดุสิตธานียังได้จับมือกับผู้ประกอบการรายย่อยในแวดวงธุรกิจท่องเที่ยวในแต่ละจังหวัด จัดทำแพคเกจท่องเที่ยว Ultimate Dusit Experiences ซึ่งเป็นทริปประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมแบบลักซูรี่เหนือระดับ ตามความต้องการของลูกค้ากลุ่มไฮเอนด์ ที่เน้นการกินหรู อยู่สบาย มองหาความแปลกใหม่ และมีช่างภาพมืออาชีพคอยบันทึกภาพความทรงจำให้ตลอดทริป สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่อยากแบ่งปันประสบการณ์การท่องเที่ยวให้กับคนรอบตัวอีกด้วย
นางศุภจีกล่าวย้ำด้วยว่า การเปิดตลาดท่องเที่ยวแนวใหม่ของกลุ่มดุสิตธานีในครั้งนี้ จะช่วยตอกย้ำความเป็นดุสิตธานีอย่างแท้จริง (Dusit Graciousness) ทั้งเรื่องของความโดดเด่นในการให้บริการ (Services) การท่องเที่ยวที่เน้นสุขภาวะทั้งสุขภาพกายและใจ (Wellness) การเชื่อมต่อกับท้องถิ่น (Local Connection) การสร้างความยั่งยืนให้กับการท่องเที่ยว (Sustainability) ในฐานะของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่ในวันนี้วิกฤติโควิด-19 ตอกย้ำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องร่วมแรงร่วมใจกันทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวอยู่รอด อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม
|