อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า จากผลการปฏิบัติงานสืบสวน สอบสวน และสนธิกำลังเข้าตรวจค้นแหล่งผลิตสารเคมีผิดกฎหมายร่วมกันของทั้ง 2 หน่วยงาน ระหว่างปี 2562 – 2563 สามารถตรวจยึดของกลางที่ผิดกฎหมายได้จำนวนมากใน 6 จังหวัด ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี นครราชสีมา เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ และกรุงเทพฯ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายจำนวนถึง 51.8 ล้านบาท ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บตัวอย่างส่งวิเคราะห์ ในห้องปฏิบัติการ ยึดอายัดสารชีวภัณฑ์ รวมถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องในการผลิต และรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดแล้ว
จากความร่วมมือปฏิบัติการกวาดล้างขบวนการผลิตและหลอกขายสารเคมีผิดกฎหมายที่ผ่านมาจนประสบความสำเร็จสามารถหาตัวผู้กระทำผิดและอายัดของกลางได้จำนวนมากก่อนที่จะนำไปหลอกขายเกษตรกร จึงเป็นที่มาของการลงนามบันทึกข้อตกลง “การประสานความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค” ระหว่าง กรมวิชาการเกษตร กับ กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติงานร่วมกันไม่ว่าจะเป็นการสนธิกำลังในการตรวจค้นและเข้าตรวจยึดของกลาง การประสานงานด้านข้อมูลของกลุ่มผู้กระทำความผิด การตรวจพิสูจน์สารเคมี และการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกับกลุ่มผู้กระทำความผิด รวมทั้งให้ถ้อยคำต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ โดยการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อป้องปรามและกวาดล้างแหล่งผลิตและจำหน่ายสารเคมีปลอมและไม่ได้มาตรฐานที่สร้างความเดือดร้อนต่อเกษตรกรให้หมดไปในที่สุด
“กรมวิชาการเกษตร ขอแจ้งเตือนเกษตรกรและประชาชนให้ระมัดระวังการซื้อสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ มีแหล่งจำหน่ายที่ไม่น่าเชื่อถือ มีการโฆษณาอวดอ้างสรรพคุณที่เกินจริง หรือมีของแจกของแถมจำนวนมาก โดยหากมีข้อมูลหรือเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว สามารถแจ้งมาได้ที่กลุ่มสารวัตรเกษตร กรมวิชาการเกษตร โทร 02-940-5434” อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าว
|