ปัจจุบัน SA พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและแนวสูงครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกระดับ อาทิคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ฯลฯ โดยเน้นการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ บนทำเลที่มีศักยภาพ แบ่งการดำเนินธุรกิจเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่าย 2. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า และ 3. ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการบริการ นอกจากนี้ ยังมีบริการที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น การบริหารนิติบุคคลอาคารชุด, นายหน้าจัดหาผู้เช่าห้องชุด เป็นต้น ทำให้สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อลงทุนในระยะยาว
ทั้งนี้ หลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เบื้องต้นจะนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งไปใช้ชำระคืนสถาบันการเงินเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน โดยจะทำให้อัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุน (IBD/E) ลดลงเหลือประมาณ 1.5 – 1.7 เท่า
จากปัจจุบัน (ณ วันที่ 30 ก.ย. 63) อยู่ที่ประมาณ 2.1 เท่า และส่วนที่เหลือจะนำไปพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์
ขยายการลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ 1) โครงการ Blossom Condo @ Fashion 3 ซึ่งมีแผนพัฒนาเป็น Mixed-use Real Estate มูลค่าโครงการ 4,000 ล้านบาท 2) โครงการ Above 39 มีแผนปรับปรุงเป็นโรงแรมหรือห้องชุดให้เช่าพร้อมบริการภายใต้มาตรฐานโรงแรม มูลค่าโครงการประมาณ 1,900 ล้านบาท และ 3) โครงการ Blossom Condo @ TSH Station มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายโอกาสการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในประเทศและต่างประเทศ และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ
ปัจจุบัน SA มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ในมือประมาณ 13 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 32,000 ล้านบาท
ซึ่งอยู่ในทำเล CBD และ New CBD กว่า 80% ขณะที่มียอดขายรอโอนกรรมสิทธ์ (Backlog) กว่า 9,000 ล้านบาท
ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 4/63 เป็นต้นไป นอกจากนี้บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา
ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ หลังหักสำรองต่างๆ ของบริษัทฯ
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 (มกราคม-กันยายน) SA มีรายได้รวม 2,060.6 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้หลักจากการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเติบโตอย่างต่อเนื่องทุกปี ตามการเพิ่มขึ้นของจำนวน
โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ลูกค้าแล้ว และมีกำไรสุทธิ 283.9 ล้านบาท
จากการที่บริษัทฯ สามารถปรับราคาขายห้องชุดในบางโครงการให้สูงขึ้นได้ และบริหารจัดการต้นทุนก่อสร้างของ
โครงการใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SA เป็นบริษัทฯ ที่ดำเนินธุรกิจอย่างมีศักยภาพ มีการนำความรู้ความสามารถจากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาพัฒนา ทั้งด้านต้นทุนและเทคนิคการก่อสร้าง และมีบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอสังหาฯ เช่น การให้บริการบริหารนิติบุคคลอาคารชุด, ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อจำหน่ายในรูปแบบ Branded Residence, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เป็นต้น
โดย SA ถือได้ว่าเป็นบริษัทฯ ที่มีจุดแข็งแตกต่างเหนือคู่แข่ง และยังสามารถทำผลการดำเนินงานได้เติบโตต่อเนื่อง แม้ในยามสถานการณ์การแพร่ระบาดที่กระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม จึงได้รับกระแสตอบรับจากนักลงทุนในช่วงการจองซื้อหุ้น IPO เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีโอกาสเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
|