ด้าน นางกานต์สุดา สิงห์สาร เจ้าหน้าที่สำนักงานคุมประพฤติ จ.น่าน กล่าวว่า การริเริ่มโครงการนี้ วัตถุประสงค์ไม่เพียงแต่บังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวแต่เรายังต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ถูกคุมประพฤติด้วยขบวนการเรียนรู้ในเชิงประสบการณ์จะสร้างผลสะท้อนกลับได้ดี การบริการสังคมด้วยการเข้าไปช่วยงานที่โรงพยาบาล เขาจะได้เห็นผู้ประสบเหตุตามตึกต่างๆ ทั้งตึกอุบัติเหตุ ตึกศัลยกรรมกระดูก จะทำให้เกิดความกลัวและไม่อยากเป็นเช่นนั้น ผลลัพธ์ที่ได้กลับมานั้นนับว่าดีมากโดยผู้ที่เข้ากระบวนการเหล่านี้ราว 10% เลือกที่จะเลิกดื่มเหล้าถาวร ส่วนที่เหลือก็ล้วนให้คำมั่นสัญญาที่จะลดการดื่มและหากดื่มแล้วจะไม่ขับอีกต่อไป อย่างไรก็ดี การที่จะให้เกิดขบวนการเรียนรู้และขยายผลการดำเนินงานออกไปจะอาศัยเพียงการทำงานร่วมกับโรงพยาบาลอย่างเดียวไม่เพียงพอ จึงมีการร่วมมือกับเทศบาลเมืองน่านเพื่อสร้างให้เมืองน่านเป็นชุมชนปลอดภัยด้วย
ขณะที่ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน กล่าวเสริมว่า ความปลอดภัยเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของการสร้างเมืองน่านอยู่สำหรับประชาชนและผู้ที่เดินทางเข้ามา โดยการทำงานของเทศบาลเมืองน่าน เริ่มจากการวิเคราะห์เหตุแห่งความไม่ปลอดภัยทั้งในเมืองและชุมชน จนเกิดเป็นตัวชี้วัดใน 13 เรื่อง หากดำเนินการบรรลุผลก็จะนำมาสู่การสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งจากความพยายามรณรงค์ด้านความปลอดภัย ทั้งความปลอดภัยบนท้องถนน พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ พบว่าเป็นเรื่องยากที่จะสร้างจิตสำนึกให้กับผู้ใหญ่หรือผู้ที่โตแล้ว ซึ่งแตกต่างกับการปลูกฝังในเด็กที่มักจะง่ายกว่า เช่น ตัวอย่างจากการสร้างเสริมพฤติกรรมการใช้หมวกนิรภัย พบว่าจากเดิมที่มีการสวมใส่ราว 43% แต่เมื่อทำงานรณรงค์ในกลุ่มเด็ก บางแห่งกลับมีสถิติเพิ่มขึ้นเป็น 100% เป็นผลพวงจากการดำเนินโครงการศูนย์เด็กเล็กปลอดภัย
ด้าน นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณ ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า ตัวอย่างของเทศบาลเมืองน่าน นับเป็นโมเดลที่น่าสนใจจากการสร้างส่วนร่วมของชุมชนเพื่อเข้ามาร่วมกันทำให้เกิดชุมชนปลอดภัย ซึ่งนอกจากการปรับปรุงพฤติกรรมคนดื่มไม่ขับ ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่ช่วยลดปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนงานบุญประเพณีปลอดเหล้าต่างๆ อาทิ แข่งเรือปลอดเหล้า ยี่เป็งปลอดเหล้าปลอดภัย งานประเพณีปลอดเหล้าต่างๆ ทั้งนี้ สสส. ได้เข้ามามีส่วนช่วยเติมในแต่ละมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมการงดเหล้า การทำงานเรื่องอุบัติเหตุบนท้องถนน ไปจนถึงการวางแผนการจัดการภัยพิบัติต่างๆ
“ตอนนี้ไทยกำลังอยู่ระหว่างการแก้กฎหมายเชื่อมฐานข้อมูล ที่จะดูแลผู้กระทำผิดไม่ให้กลับมากระทำผิดซ้ำ หรือใครทำผิดซ้ำก็จะได้รับโทษเพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการป้องปราม ซึ่งในระหว่างที่กระบวนการกำลังดำเนินอยู่ สสส.ก็ได้พยายามหาตัวอย่างรูปธรรมของการป้องกันไม่ให้คนกระทำผิดซ้ำ พบที่ รพ.น่าน และสำนักงานคุมประพฤติฯ จับมือและประสานเชื่อมการทำงานร่วมกัน นับเป็นโมเดลตัวอย่างที่ดี” นางสาวรุ่งอรุณ กล่าวในตอนท้าย
|