“ปัจจุบันเอสซีจีมีวิศวกรระดับภาคีวิศวกรกว่า 300 คน สามัญวิศวกร 50 คน โดยตั้งใจว่าจะส่งเสริมให้ได้ระดับสามัญวิศวกรเป็นอย่างต่ำ เพราะเราได้วางแผนจะก้าวไปในภูมิภาคอาเซียนทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีบุคลากรในระดับช่าง ปวช. ปวส. ที่เราต้องการส่งเสริมให้เป็นวิศวกรแบบภาคีวิศวกรพิเศษ ซึ่งในต่างประเทศ อย่างเช่นเยอรมันหรือญี่ปุ่นก็ได้ใช้ระบบนี้มานานแล้ว โดยทางเอสซีจีก็มีระบบนี้ในการพัฒนาช่างที่เป็นบุคลากรของเราขึ้นมาเป็นวิศวกร และตอนนี้เรามีศูนย์ CPAC Solution Center กระจายอยู่ทั่วประเทศ 23 แห่ง ซึ่งจะทำงานร่วมกับช่างหรือผู้ประกอบการท้องถิ่น ทำให้เขามีขีดความสามารถที่สูงขึ้น มีทักษะการก่อสร้าง ตลอดจนการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับใช้ในการทำงาน” นายชนะ กล่าวเสริม
ในส่วนของสภาวิศวกร เป็นหน่วยงานที่เป็นตัวแทนของวิศวกรไทย ปัจจุบันมีสมาชิกร่วม 300,000 คน วัตถุประสงค์สำคัญของสภาวิศวกร คือ การสนับสนุนงานวิชาการและงานวิจัย ซึ่งปัจจุบันมีการแข่งขันด้านเทคโนโลยีกันอย่างรุนแรง แต่ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจ สังคม หรือแม้แต่ปัญหาสิ่งแวดล้อมก็จำเป็นต้องแก้ไขโดยเทคโนโลยี ด้วยเหตุนี้การพัฒนาอาชีพวิศวกรจึงมีผลกับทุกคน หากวิศวกรไทยเข้มแข็ง ก็สามารถพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีได้ และสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม มีรายได้กลับมาพัฒนาประเทศ สังคม และยังสามารถแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากมาย
ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ นายกสภาวิศวกร กล่าวว่า “ความร่วมมือกับทาง บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด ที่เป็นบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีในการก่อสร้างของประเทศไทย ซึ่งวัสดุก่อสร้างในปัจจุบันผู้ใช้งานคาดหวังให้มีความทนทาน ใช้งานได้ดี และมีความสวยงาม จึงต้องใช้เทคโนโลยีนวัตกรรม ถือเป็นจุดกำเนิดที่มีจุดประสงค์ร่วมกันระหว่างสององค์กรใหญ่ ซึ่งเอสซีจีเองก็เป็นหน่วยงานที่ให้ความสำคัญในด้านนวัตกรรม ตรงนี้จะสามารถถ่ายโอนความรู้ และยังร่วมมือกันส่งสัญญาณไปถึงคณะวิศวกรรมทั่วประเทศ ว่าวันนี้เจ้าของผลิตภัณฑ์เขากำลังมองการตลาดอย่างไร วันนี้สภาวิศวกรมีนโยบายสำคัญในการสร้างวิชาชีพนี้ให้ไปไกลแค่ไหน เราจะร่วมมือกันเพื่อยกระดับวิศวกรที่กำลังจะจบออกไปจากมหาวิทยาลัยด้วย”
การแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีฝีมือ คือ การชดเชยด้วยนวัตกรรมของวัสดุ การร่วมมือของสภาวิศวกรและ บริษัท ผลิตภัณฑ์และวัตถุก่อสร้าง จำกัด จึงมีผลต่อการสร้างวิศวกรรุ่นใหม่เป็นอย่างมาก โดยสภาวิศวกรจะมีบทบาทสำคัญ คือ การดึงเอาภาคเอกชน ภาคอุตสาหกรรม เข้ามาให้ข้อมูลความรู้ และความร่วมมือ เพื่อโน้มน้าวให้มหาวิทยาลัยผลิตบัณฑิตได้สอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและความเปลี่ยนแปลงของโลก
|