“แม้ในภาพรวม ผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ แต่เชื่อว่าผู้บริโภคกลุ่มเซกเมนต์กลาง-บนยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัย สังเกตได้ว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2563 ทุกบริษัทยังคงมียอดขายเข้ามาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยแคมเปญดังกล่าวเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนในประเทศ ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) รวมถึงกลุ่มนักลงทุนที่มีความพร้อมในการลงทุนอสังหาฯที่ราคาจับต้องได้ ซึ่งแคมเปญนี้จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น”
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของลูกค้า รวมถึงพนักงานของบริษัทฯทุกท่าน สอดคล้องกับมาตรฐานและข้อกำหนดกับนโยบายของภาครัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 พร้อมยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดสูงสุด โดยมีการตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย และเช็คอินไทยชนะก่อนเข้าโครงการและสำนักงานขาย พนักงานทุกคนจะสวมใส่หน้ากากอนามัย และทำความสะอาดมือทุกครั้งก่อนให้บริการกับลูกค้า ติดตั้งจุดบริการเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ และหน้ากากอนามัยให้กับลูกค้า อีกทั้งทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อตามบริเวณพื้นที่ส่วนกลางตั้งแต่บริเวณทางเข้าสำนักงานขาย ห้องตัวอย่าง และห้องน้ำทุกๆ ชั่วโมง เพื่อความปลอดภัยทั้งในโครงการและสำนักงานขาย เพราะความปลอดภัยลูกค้าที่มาเยี่ยมชมโครงการเป็นสิ่งที่บริษัทให้ความสำคัญสูงสุด นอกจากนี้บริษัทฯมีการปรับกลยุทธ์ลูกค้าสามารถนัดหมายเพื่อการเข้าชมห้องตัวอย่างแบบส่วนตัว (Private Visit)
เพื่อการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing)
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ คาดว่าจะดีกว่าปี 2563 แม้เปิดต้นปีใหม่มา จะมีการล็อคดาวน์ในบางจังหวัดหรือบางพื้นที่ เนื่องจากการระบาดรอบใหม่ของไวรัสโควิด-19 แต่เชื่อว่าประสบการณ์การปิดประเทศ (ล็อคดาวน์) ในช่วงปี 2563 จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แต่ละบริษัทในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยภาพรวมของอสังหาฯปี 2564 น่าจะมีความคล้ายคลึงกับปี 2563 โดยมีการชะลอตัวในครึ่งปีแรก และฟื้นตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังปี 2564 ปัจจัยสำคัญที่เข้ามาหนุนตลาดคือ การพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ได้สำเร็จ และเริ่มใช้ในหลายประเทศ ซึ่งจะทำให้ Sentiment ของตลาดน่าจะดีขึ้นและนักลงทุนมีความมั่นใจในการลงทุนมากขึ้น
“หากย้อนกลับไปที่เกิดการระบาดโควิด-19 รอบแรก เหตุการณ์ตอนนั้นได้สร้างความตื่นตระหนกมากกว่า ซึ่งไม่รู้เลยว่าสถานการณ์จะจบลงอย่างไร และจะไปในทิศทางใดต่อ ตลอดจนมีการล็อคดาวน์ เชื่อว่าทุกอย่างได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ทั้งเศรษฐกิจ การค้า การท่องเที่ยวที่ต้องหยุดชะงัก แต่การระบาดรอบใหม่ แม้การระบาดจะกระจายไปในหลายจังหวัด แต่ไม่มีการล็อคดาวน์ประเทศ และด้วยประสบการณ์เคยมีมาแล้ว ความตื่นตระหนกอาจจะน้อยกว่า โดยคาดว่าสถานการณ์กลับมานิ่งคงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือน ซึ่งคงเป็นช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้” นายชนินทร์ กล่าวทิ้งท้าย
|