· ด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนโครงการหลวง โดยขยายผลสำเร็จในการสร้างองค์ความรู้หรือนวัตกรรมใหม่ที่มีคุณค่า แบ่งเป็น 3 เรื่องหลัก คือ เฮมพ์พันธุ์ใหม่ภายใต้กฎหมายใหม่ เกี่ยวกับการขออนุญาตผลิตตามกฎกระทรวงใหม่ และสารสกัดกัญชง (CBD Hemp oil), ข้าวพันธุ์ท้องถิ่นที่มีโภชนาการสูง (ประเภทกลุ่มสีม่วงดำ) และ การผลิตองุ่น “ไชน์มัสแคท”
· ด้านการขยายผลสำเร็จของโครงการหลวง ในการสนับสนุนงานโครงการหลวง “สารธารแห่งภูมิปัญญา สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ขยายผลสำเร็จของสถาบันฯ ในการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงในเชิงพื้นที่มี 3 ประเด็น คือ 1)สืบสานขยายความสำเร็จงานโครงการหลวงสู่การพัฒนาพื้นที่สูง 2)สืบสานขยายความสำเร็จงานโครงการหลวงสู่การพัฒนาพื้นที่สูงในเชิงพื้นที่จังหวัดน่าน และ 3)สถาบันกับการพัฒนาการเปลี่ยนแปลง จากพื้นที่สีแดงเป็นพื้นที่สีเขียวบ้านหมากแข้ง “ชีวิตของฉันในพื้นที่สีแดง “My Life in the RED ZONE” และผลสำเร็จของสถาบันในการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงในการแก้ไขปัญหาสำคัญบนพื้นที่สูง แก้ปัญหาความยากจน ลดพื้นที่ปลูกฝิ่น ปรับเปลี่ยนพื้นที่ข้าวโพดเป็นพื้นที่ส่งเสริม
· พัฒนาอุทยานหลวงราชพฤกษ์เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ศาสตร์พระราชา การเกษตร และความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้สวยที่สุด รวมถึงเป็นแหล่งเรียนรู้ และส่งเสริมกิจกรรมของเยาวชนที่ดีที่สุด
ที่ผ่านมาสถาบันฯ ได้ดำเนินงานใช้หลักการทำงานภายใต้แนวพระราชดำริและงานโครงการหลวง โดยมุ่งช่วยเหลือเกษตรกรบนพื้นที่สูงจากที่ยึดอาชีพปลูกพืชไร่ ถางป่า ทำลายและเผาป่า จนเกิดหมอกควัน ให้หันมาทำการเกษตรอย่างปราณีต โดยการปลูกพืชเศรษฐกิจแทน เช่น พืชเกษตรในโรงเรือน ปลูกไม้ยืนต้นเพิ่มพื้นที่สีเขียว มีการใช้น้ำและดินอย่างคุ้มค่า โดยใช้เวลาเพียงไม่นานสามารถเปลี่ยนพื้นที่จากปลูกข้าวโพดมาเป็นปลูกพืชเกษตรอินทรีย์ เกษตรกรใช้พื้นที่ลดน้อยลงเพียง 1-2 ไร่ แต่กลับมีรายได้มากกว่าปลูกข้าวโพดเฉลี่ย 20-30 ไร่ ทำให้สามารถคืนพื้นที่ป่าให้กับกรมป่าไม้ได้เป็นจำนวนมาก
“จริง ๆ ประชาชนที่อยู่ห่างไกลไม่ได้ถูกทอดทิ้ง รัฐบาลดูแลส่งคนเข้าไปช่วยดูแลในทุกมิติ แต่หลักการทำงานของเจ้าหน้าที่จะเหมือนเป็นผู้ปิดทองหลังพระก็ว่าได้ เช่นเดียวกับคำกล่าวที่ว่า ช่วยชาวเขา จะเกิดประโยชน์กับชาวเรา และช่วยชาวโลกได้ต่อไป” นายวิรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
|