แต่อย่างไรก็ตาม จากการบริหารเชิงรุกของผู้จัดการกองทรัสต์จึงทำให้ในภาพรวมแล้ว ผลการดำเนินงานทางด้านการบริหารสินทรัพย์ของในปีงบประมาณ 2563 นั้นมีการเติบโตขึ้นโดยอัตราการเช่าเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ระดับร้อยละ 83.6 ซึ่งมีการเติบโตเฉลี่ยประมาณร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 4 ของงบประมาณ 2563 ผู้จัดการกองทรัสต์ได้เห็นถึงสถานการณ์ที่เริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น อันเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสมีความรุนแรงลดลง ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับผู้เช่าในการที่จะทำการต่อสัญญาเช่า และ เช่าทรัพย์สินกับกองทรัสต์เพิ่มเติม
สำหรับด้านการลงทุนของกองทรัสต์ ในปีที่ผ่านมา กองทรัสต์ได้เข้าลงทุนในทรัพย์สินคุณภาพสูงของกลุ่มบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย และ กลุ่มบุคคลอื่นรวมทั้งสิ้น 60 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าการเข้าลงทุนประมาณ 4,908.0 ล้านบาท (ไม่รวม ภาษี ค่าธรรมเนียม และ ค่าใช้จ่าย) ทำให้พอร์ตโฟลิโอของกองทรัสต์ FTREIT มีพื้นที่ให้เช่ารวมเพิ่มขึ้น 192,537 ตารางเมตร ครอบคลุมพื้น 8 ทำเลยุทธศาสตร์ ที่ตั้งอยู่ใน 4 จังหวัด ทั้งนี้ จากการเข้าลงทุนดังกล่าวทำให้กองทรัสต์มีสินทรัพย์ศักยภาพสูงเพื่อการอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ภายใต้การบริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 614 ยูนิต หรือ คิดเป็นพื้นที่เช่า 1,871,012 ตารางเมตร และทำให้ FTREIT ยังครองตำแหน่ง กองทรัสต์เพื่ออุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยมูลค่าสินทรัพย์รวมกว่า 41,143.6 ล้านบาท ณ วันที่ 30 กันยายน 2563
นายพีระพัฒน์ ศรีสุคนธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย)
เผยว่า “ปีที่ผ่านมาถือเป็นที่ท้าทายอย่างมากสําหรับกองทรัสต์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ได้ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศตลอดจนผู้เช่าของกองทรัสต์บางส่วน ทางผู้จัดการกองทรัสต์ได้บริหารจัดการเชิงกลยุทธ์อย่างเต็มความสามารถในระยะผ่านมา เพื่อลดผลกระทบต่อผลประกอบการและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้แก่กองทรัสต์ ส่งผลให้ปีงบประมาณ 2563 FTREIT มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และสามารถจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนได้เพิ่มขึ้นเป็น 0.6690 บาทต่อหน่วยทรัสต์”
“สำหรับปี 2564 สถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังคงมีความท้าทาย FIRM ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ FTREIT ยังคงวางแผนการบริหารจัดการเชิงรุก เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 รอบใหม่ในประเทศ โดยมุ่งรักษาจำนวนผู้เช่าปัจจุบันของกองทรัสต์ และเพิ่มจำนวนผู้เช่าใหม่ที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์โควิด-19 และอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดีเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอของกองทรัสต์ อาทิ อุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และยา และอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น ตลอดจนเดินหน้าปรับปรุงและพัฒนาทรัพย์สินให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เช่ามากขึ้น ในส่วนของการบริหารเงินทุนในปีหน้านั้น ตามที่ประชุมผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนแบบมอบอำนาจทั่วไป ในจํานวนไม่เกิน 846,716,114 หน่วย และอนุมัติวงเงินการกู้ยืมในจำนวนรวมกันไม่เกิน 10,000 ล้านบาท จะเป็นส่วนสำคัญในการใช้เป็นเงินทุนในการสนับสนุนการเข้าลงทุนในทรัพย์สินที่มีคุณภาพ และ มีศักยภาพในการเติบโตบนทำเลยุทธศาสตร์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กองทรัสต์ต่อไป” นายพีระพัฒน์ กล่าวเสริม
|