· ให้ความเอาใจใส่และความเห็นอกเห็นใจกลุ่มเป้าหมายของตนให้มากขึ้นกว่าเดิมผ่านการสื่อสารทุกรูปแบบ
· หากแบรนด์มีพนักงานในเมียนมา ขอให้ทุ่มเทเวลาและทรัพยากรต่างๆ ในการช่วยเหลือพนักงานให้สามารถรับมือและผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปให้ได้ เช่น การสร้างช่องทางต่างๆ สำหรับการติดต่อสื่อสารในกรณีที่เกิดเหตุขัดข้องอื่นๆ ตามมา และวางจุดยืนขององค์กรในสถานการณ์ปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
· แบรนด์ควรงดเว้นกิจกรรมหรือแคมเปญต่างๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องจากขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่เราควรให้ความสำคัญกับกิจกรรมเชิงพาณิชย์ ที่ทำให้เสี่ยงต่อการถูกเข้าใจผิดว่าเป็นองค์กรที่ปิดหูปิดตาไม่ให้ความสนใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
· แบรนด์ควรมีความระมัดระวังในการติดตามตรวจสอบภาพลักษณ์ของแบรนด์ รวมถึงควรมีการเตรียมแผนงานด้านการปกป้องภาพลักษณ์ของแบรนด์เอาไว้ อนึ่งขณะนี้มีข้อมูลข่าวสารที่ไม่เป็นความจริงเกี่ยวกับแบรนด์ต่างๆ เกี่ยวกับความสัมพันธ์กับกองทัพเผยแพร่ต่อๆ กันไปเป็นวงกว้าง ดังนั้นการชี้แจงถึงความเป็นอิสระและปลอดจากการเมืองจึงจำเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์เช่นนี้
· แบรนด์ควรตรวจสอบย้อนหลังไปถึงประวัติการติดต่อหรือความสัมพันธ์กับรัฐวิสาหกิจของเมียนมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เพื่อประเมินว่าการติดต่อครั้งนั้นจะส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงขององค์กรหรือไม่
· แบรนด์ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นกรณีๆ ไปเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถหรือไม่สามารถสื่อสารกับประชาชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และลูกค้า ทั้งนี้เนื่องจากหลายคนมองว่าแบรนด์ต่างๆ ควรมีจุดยืนของตนเอง ซึ่งในบางกรณีก็อาจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นสถานการณ์ที่แต่ละแบรนด์เผชิญอยู่มีความเฉพาะเจาะจงที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นในกรณีที่มีประเด็นปัญหาสำคัญ จุดยืนที่แบรนด์เลือกจึงจำเป็นต้องเป็นจุดยืนที่แบรนด์มีแผนสำรองเตรียมรับมือเอาไว้แล้วอย่างดี
· แบรนด์และองค์กรต่างๆ ที่สามารถช่วยเหลือประชาชนในประเทศนี้ได้ ควรมองหาลู่ทางในการให้ความช่วยเหลือในสิ่งที่ขาดแคลน
วีโร่ยังคงติดตามสถานการณ์ปัจจุบันอย่างใกล้ชิดเพื่อคาดการณ์ล่วงหน้าถึงความท้าทายใหม่ๆ และในระยะยาวเรายังคงคาดหวังที่จะได้เห็นการคลี่คลายของสถานการณ์ในทิศทางที่ให้ความเคารพต่อความประสงค์ของคนส่วนใหญ่ในเมียนมา โดยวีโร่พร้อมให้ข้อมูลและการสนับสนุนแก่แบรนด์และธุรกิจต่างๆ ที่กำลังหาทางรับมือกับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว
|