ขยับเข้าสู่กลุ่มที่ 2 การเรียนรู้ “เกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นและสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์” เพื่อให้เห็นแนวทางในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร และวิธีการขึ้นทะเบียนเพื่อคุ้มครองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ไทย หรือ Geographical Indications, GI โดยรับเกียรติจากคุณปัจฉิมา ธนสันติ อดีตอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ผู้ปลุกปั้นกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาด้านสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ ต่อด้วยกลุ่มที่ 3 ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญของการผลิตสินค้าเกษตรคือ “มาตรฐานสินค้าเกษตร” โดยคุณนลินทิพย์ เพณี ผู้อำนวยการกองส่งเสริมมาตรฐาน สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ จะมาให้ความรู้และข้อแนะนำในการจะทำอย่างไรให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพดีและปลอดภัยตามมาตรฐานที่กำหนด เกิดการยอมรับทั้งในประเทศและระดับนานาชาติ
กลุ่มที่ 4 “นวัตกรรมการเกษตร” จะเห็นได้ว่าปัจจุบันการผลิตสินค้าเกษตรเจอความท้าทายจากหลากหลายปัจจัยทั้งสภาพดิน ฟ้า อากาศ รวมถึงการบริหารจัดการผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยว การขนส่ง ทำให้ “นวัตกรรม” มีความจำเป็นต่อการนำมาประยุกต์ใช้ในการเกษตรเพิ่มขึ้น ในกลุ่มนี้จึงขออาสาพาไปเปิดโลกทัศน์การทำนวัตกรรมเกษตรกับ 3 สตาร์ทอัพไทยที่จะมาตอบโจทย์แก้ปัญหาทางการเกษตรได้อย่างตรงประเด็นได้แก่ 1) ฟาร์มเอไอ: ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลด้วยปัญญาประดิษฐ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการฟาร์ม โดย ดร. รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์ ผู้ก่อตั้งลิสเซินฟิลด์ 2) เทวดาคอร์ป : ระบบการปลูกข้าวแม่นยำสูงแบบครบวงจร ด้วยการใช้โดรนไฮบริดด้านเกษตรแม่นยำสูงแบบครบวงจร ร่วมกับการบริหารจัดการ สามารถเพิ่มผลผลิตข้าวได้ 2 เท่า โดยคุณธีรพงษ์ กาญจนกันติกุล ผู้ก่อตั้งเทวดาคอร์ป และ 3) แอคคูรา: ระบบบริหารจัดการน้ำตามความต้องการของพืช โดยใช้เทคโนโลยีด้านเซ็นเซอร์ในการเกษตร เพื่อเพิ่มปริมาณและคุณภาพของผลผลิต อีกทั้งยังช่วยประหยัดต้นทุนด้วย โดยคุณปิยามร กันตะสิริพิทักษ์ ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารแอคคูรา
เมื่อได้สินค้าเกษตรที่มีคุณภาพดี ตรงตามมาตรฐานแล้ว การขนส่งและเคลื่อนย้ายสินค้าก็นับเป็นอีกหัวใจสำคัญในการที่จะรักษาคุณภาพของสินค้าให้คงอยู่ตั้งแต่การผลิตจนถึงมือผู้บริโภค จึงเป็นที่มาของกลุ่มการเรียนรู้ที่ 5 “การบริหารจัดการขนส่งสินค้าเกษตร” โดย ดร. ดนัย คาคัสซี รองประธานบริหาร บริษัท อินเตอร์ เอ็กเพรส โลจิสติกส์ จำกัด จะเล่าถึงกระบวนการเกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจในระบบการบริหารจัดการขนส่งสินค้าเกษตร และสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับสินค้าของตนเอง เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับสินค้าคุณภาพ ปลอดภัย และมีความสดใหม่ นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากคุณจุฑารัตน์ พัฒนาทร ผู้อำนวยการฝ่ายประกันคุณภาพ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ที่มาเล่าประสบการณ์ของการบริหารจัดการและการประกันคุณภาพของสินค้าเกษตร
สำหรับกลุ่มการเรียนรู้สุดท้ายในกลุ่มที่ 6 จะแนะนำ 10 สตาร์ทอัพด้านการเกษตรที่มีความตั้งใจและมุ่งมั่นเข้ามาช่วยเพิ่มช่องทางตลาดให้เกษตรกรทีไม่ได้เป็นเพียงช่องทางการตลาดเท่านั้น แต่ยังเข้าไปร่วมการพัฒนาสินค้าและสร้างแบรนด์สินค้าของเกษตรกรให้เป็นที่จดจำ เพียงคลิ๊กhttps://agtech4otop.nia.or.th/clip_cate/introduce-10startup/
ดร.กริชผกา ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า หลักสูตรการเรียนรู้นี้ช่วยเข้ามาตอบโจทย์สำคัญของเกษตรกร หรือชุมชนที่จำเป็นต้องหาทางออกใหม่ๆ รับมือการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่วิถีชีวิตในรูปแบบใหม่ที่ถูกเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 และในโอกาสนี้ขอฝากผู้บริโภคทั้งบุคคลทั่วไป หรือกลุ่มธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า โรงงานแปรรูป ฯลฯ ที่สนใจสินค้าเกษตรคุณภาพดีและมีให้เลือกหลากหลายช่วยสนับสนุนแพลตฟอร์มของสตาร์ทอัพเกษตรไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยสนับสนุนสินค้าจากเกษตรกรแล้ว เมื่อเข้าไปใช้งานมากขึ้น สตาร์ทอัพเจ้าของแพลตฟอร์มก็จะเห็นโอกาสและแนวทางการปรับปรุงแพลตฟอร์มให้ตอบโจทย์ทั้งเกษตรกร และผู้บริโภคได้ตรงใจมากขึ้นด้วย สิ่งสำคัญยิ่งคือการตอบโจทย์ให้เกิดการหมุนเวียนสร้างหุ้นส่วนสามารถเติบโตไปด้วยกันทั้งเศรษฐกิจ ชุมชน และธุรกิจสตาร์ทอัพด้านการเกษตรได้อย่างยั่งยืน |