ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NRF กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่บริษัทฯ ได้เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงที่ปีผ่านมา ทำให้ NRF สามารถเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ เพื่อก้าวสู่ผู้นำในอุตสาหกรรมผลิตอาหารในระดับสากล และถือเป็นบริษัทฯ ที่มีรูปแบบพร้อมรองรับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีการเติบโตสูงในอนาคต (Platform for Future Food) โดยได้นำเงินที่ได้ทยอยลงทุนอย่างต่อเนื่อง ผ่านการขยายทั้ง Organic growth และ Inorganic growth เพื่อสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดในทุกไตรมาส โดยเริ่มลงทุนเพิ่มเติมอีก 25% ในดีลร่วมทุนโรงงาน Plant and Bean ที่ประเทศอังกฤษ คาดจะรับรู้รายได้เข้ามาในปี 2564
นอกจากนี้ บริษัทฯ เริ่มทยอยรับรู้รายได้จากบริษัท ซิตี้ฟูด จำกัด เพิ่มเข้ามาในเดือนธันวาคม 2563 หลังจากช่วงปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญส่วนที่เหลืออีก 84.99% ของ ซิตี้ฟูด เป็นเงินลงทุนทั้งสิ้น 170 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับหุ้นสามัญเดิมที่ถือหุ้น 15% ส่งผลให้ในปัจจุบัน NRF ถือหุ้นสามัญทั้งหมด 99.99% ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ทันทีหลังจากเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น เพื่อขยายกำลังการผลิตสินค้ากลุ่ม Ethnic Food เพิ่มขึ้นกว่า 95% รองรับความต้องการที่สูงขึ้น และคาดว่าจะเป็นฐานการผลิตในประเทศที่สำคัญในอนาคต อีกทั้งจะช่วยผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้นอีกกว่า 30%
พร้อมกันนี้ ในช่วงที่ผ่านมา NRF ได้จัดตั้งบริษัทย่อย ภายใต้ชื่อ บริษัท เอ็นอาร์เอฟ คอนซูเมอร์ จำกัด เพื่อร่วมลงทุนกับบริษัท Boosted Ecommerce, Inc ซึ่งอยู่ในสหรัฐฯ ในการลงทุนธุรกิจ Branded e-commerce บน Amazon.com ที่มีผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่ม Ethnic Food, Plant-Based Food, Functional Product โดยจะคัดเลือกบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะต้องมียอดขายที่ดีในระบบ E-Commerce ของ Amazon และสามารถสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง และจะมีเกณฑ์ในการเลือกลงทุนที่ชัดเจนเพื่อให้บริษัทฯ ได้รับประโยชน์สูงสุด
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานที่เติบโตทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของ NRF ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2564 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานปี 2563 ในรูปแบบหุ้นปันผล ในอัตรา 25 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นอัตราปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 30 เมษายน นี้ และกำหนดจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นใน วันที่ 21 พฤษภาคม 2564 นี้
|