อีกกลุ่มหนึ่งอย่างสตาร์ทอัพ เนอเจอร์ฟู๊ด ที่นำข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้ ของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มข้าวหอมมะลิเพชรทุ่งกุลาร้องไห้และวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาอินทรีย์ตำบลหุนกลอง (ลุ่มน้ำเสียวน้อย) และข้าวหอมมะลิสุรินทร์ ของกลุ่มนาแปลงใหญ่บ้านจันทร์หอมและวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผลิตข้าวอินทรีย์
บ้านยะสุข ลงนามสัญญาซื้อขายเพื่อออกสู่ตลาดต่างประเทศ
นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานโครงการนี้
มีความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกรมพัฒนาชุมชน นั่นคือ “เศรษฐกิจฐานรากมั่นคงและชุมชนพึ่งตนเองได้ ภายในปี 2565” โดยมีโครงการสำคัญคือ โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ ที่รู้จักกันดีคือ OTOP ที่มีการลงทะเบียนมากกว่า 100,000 กลุ่ม อยู่ทั่วทุกภูมิภาค ดังนั้น การนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม จึงมีความสำคัญมาก ที่จะมาสร้างความแตกต่างและสร้างมูลค่าให้กับสินค้าชุมชน ผนวกรวมกับรูปแบบการขายใหม่ๆ ที่สอดรับกับยุควิถีใหม่นี้ ให้เกิดกระจายสินค้าได้ทั้งในและต่างประเทศต่อไป จากโครงการนำร่องในปีนี้ เริ่มต้นด้วยกลุ่มสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น จะอยู่ในส่วนกลุ่ม OTOP ด้านอาหาร ซึ่งสามารถนำแนวทางนี้ไปต่อยอดและเชื่อมโยงในอีกหลากหลายกลุ่ม ที่จะไปช่วยให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง และสามารถพึ่งพาตัวเองได้ต่อไป
นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจาก ดร. สุภาพ อัจฉริยศรีพงศ์ กรรมการนวัตกรรมแห่งชาติ และเป็นที่ปรึกษาแนะนำตลอดโครงการ กล่าวให้ข้อคิดเห็นว่า ตลอดระยะเวลาโครงการ 4 เดือนที่ผ่านมา ในส่วนของสตาร์ทอัพ และกลุ่มโอทอปเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่น ได้รับการเพิ่มศักยภาพ เปิดมุมมองใหม่ให้เกิดการเติบโต และได้ลงมือปฏิบัติจริง ในการทดสอบตลาดสินค้าเกษตรบนแพลตฟอร์มของสตาร์ทอัพ โดยจะเกิดมิติใหม่ของการพัฒนาสินค้าเกษตร สินค้าชุมชน ร่วมกับคนรุ่นใหม่อย่างสตาร์ทอัพไทย เกิดเป็นโมเดลตัวอย่างที่พร้อมในการขยายผลได้ต่อไป โดย สนช. และหน่วยงานพันธมิตรต่างๆ พร้อมร่วมสนับสนุนต่อเนื่องอย่างเต็มที่”
“โดยจากปัญหาวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือ Covid-19 ทำให้พฤติกรรมของคนไทยซื้อ-ขายของออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการเติบโตของธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทยประมาณ 4.02 ล้านล้านบาทในปี 2020 หรือโตขึ้นเกือบร้อยละ 7 ในส่วนนี้สินค้าเกษตรอาจจะมีส่วนสร้างยอดขายในโลกออนไลน์ยังมีปริมาณน้อยน้อยมาก แต่การพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส สตาร์ทอัพด้านการเกษตรในด้านการสร้างตลาดสินค้าเกษตรในรูปแบบใหม่ๆ สามารถพัฒนารูปแบบให้สามารถขยายธุรกิจและเติบโตได้อีกมาก ดังนั้นในโครงการ AgTech4OTOP ให้เกิดการสนับสนุนการขายสินค้าเกษตรจากชุมชนบนแพลตฟอร์มสตาร์ทอัพไทย มีเป้าหมายเติบโต 10 เท่า เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพและธุรกิจชุมชนได้อย่างยั่งยืน” ดร. สุภาพ กล่าวสรุป
|