ประการที่สอง กลุ่มดุสิตธานีต้องการสร้างจุดเด่นและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของโรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพฯ แห่งใหม่ให้สามารถสานต่อวิสัยทัศน์ในการเป็นสัญลักษณ์ของโรงแรมไทยที่ได้มาตรฐานระดับโลก ด้วยการออกแบบห้องพักขนาดใหญ่ให้มีความเป็นส่วนตัวสูงสุดสำหรับผู้เข้าพัก และทุกห้องสามารถรับวิวสวนลุมพินีได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้นยังดึงเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์แห่งความทรงจำของดุสิตธานีเดิม ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้ที่มีน้ำตกอยู่ในภายในเหมือนโอเอซิสของกรุงเทพฯ ห้องจัดเลี้ยงหรือห้องประชุมมีหลากหลายขนาดไว้รองรับความต้องการ ซึ่งที่โดดเด่นที่สุดคือ ห้องนภาลัยบอลรูม ที่มีขนาดใหญ่และโดดเด่นด้วยทัศนียภาพของสวนลุมพินีแบบไร้การบดบัง อีกทั้งยังเชื่อมต่อเข้ากับสวนหย่อมของโรงแรมและน้ำตก ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการได้รับบรรยากาศของการจัดเลี้ยงหรือจัดประชุมสัมมนาที่มีความพิเศษจากการแวดล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวที่ปลอดโปร่ง พร้อมกันนี้ ทางกลุ่มดุสิตธานียังได้นำห้องอาหารเทียร่าที่เคยอยู่ชั้นบนสุด และยอดเสาสีทองที่เป็นสัญลักษณ์ของโรงแรม กลับมาให้ลูกค้าได้สัมผัสในรูปแบบ รูฟท็อบบาร์ ใหม่อีกครั้ง ซึ่งจุดเด่นเหล่านี้ จะทำให้โครงการได้รับรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแรมมากขึ้นอีกด้วย
ประการสุดท้าย คือ ความคาดหวังรายได้ที่สูงขึ้นจากการปรับโครงการที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมือง เป็นสองแบรนด์ คือ ในระดับลักชัวรีสำหรับแบรนด์ดุสิต เรสซิเดนเซส และระดับไฮเอนด์สำหรับแบรนด์ดุสิต พาร์คไซด์ โดยทุกยูนิตจะถูกออกแบบให้มีความโล่ง โปร่ง สบาย มองเห็นวิวสวนลุมพินีจากทุกมุม เน้นฟังก์ชั่นการใช้สอย มีสิ่งอำนวยความสะดวก และให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดในทุกยูนิตด้วยไพรเวทลิฟต์ล็อบบี้สำหรับแบรนด์ดุสิต เรสซิเดนเซส และระเบียงเดี่ยวสำหรับแบรนด์ดุสิต พาร์คไซด์ นอกจากนี้ พื้นที่ส่วนกลางยังได้รับการออกแบบให้แยกสัดส่วนตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบมาตรฐานใหม่ เปิดโอกาสให้กับผู้พักอาศัยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ในพื้นที่ส่วนตัวของโครงการ หรือจะใกล้ชิดกับธรรมชาติผ่านสวนสาธารณะลอยฟ้าขนาด 7 ไร่ รวมถึงการเพิ่มบริการดูแลอย่างเอาใจใส่ระดับห้าดาวจากทีมงานของดุสิตธานี
“จากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เราได้บทเรียนและตัดสินใจพัฒนามูลค่าเพิ่มให้กับโครงการ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในวิถีใหม่ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น แต่เราคิดอย่างรอบคอบและประเมินอย่างรอบด้านแล้วว่า นี่เป็นการเพิ่มโอกาสในการแข่งขันภายใต้สภาวะอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงเพิ่มโอกาสในการรับรู้รายได้ที่สูงขึ้นจากการดึงศักยภาพของโครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ให้กลายเป็นโครงการระดับโลกบนมาตรฐานใหม่ที่มีคุณค่ามากขึ้นใน 4 ด้าน คือ 1) การผสานนวัตกรรมเข้ากับมรดกและเรื่องราวทางประวัติศาสาตร์ 2) การเชื่อมโยงทุกย่านสำคัญด้วยระบบคมนาคมทุกระนาบ 3) การสร้างคุณภาพชีวิตที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ และ 4) การใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยสีสันพร้อมกับเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชุมชน เพื่อทำให้โครงการแห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางและหมุดหมายใหม่ของกรุงเทพฯ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.ดุสิตธานีกล่าว
|