ทั้งนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าสานต่อโครงการอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต โดยมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนภาครัฐฯ ในการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเพิ่มการสร้างงานและรายได้ ให้ประชาชนในพื้นที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยได้กำหนดแผนลงทุน 4 กลุ่มอุตสาหกรรม มูลค่าลงทุนกว่า 3 แสนล้านบาท เพื่อยกระดับอำเภอจะนะให้เป็นสมาร์ทซิตี้ ศูนย์กลางอุตสาหกรรมยุคใหม่ กระจายสู่อาเซียน
แผนลงทุนดังกล่าว ประกอบด้วย (1) สวนอุตสาหกรรมสมัยใหม่และเทคโนโลยีแห่งอนาคต อาทิ อุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยี, อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ และอุตสาหกรรมผลิตเครื่องจักรรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต (2) เมืองอัจฉริยะ (smart city) อาทิ ศูนย์กลางอุตสาหกรรมดิจิทัล, ศูนย์กลางอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร, ศูนย์การฝึกและพัฒนาอาชีพ, ศูนย์กลางทางด้านการเงินทุกรูปแบบและครบวงจร, ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จและที่พักอาศัย (3) ท่าเรือน้ำลึกและศูนย์กลางการขนส่งและกระจายสินค้า (ทั้งระบบถนนและระบบราง) และ (4) ศูนย์อุตสาหกรรมการผลิตไฟฟ้าสะอาด อาทิ โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม, พลังงานแสงอาทิตย์ และแก๊สธรรมชาติ (LNG) รวม 3,700 MW
“สำหรับเหตุผลที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ เพราะนักลงทุนไม่มีความมั่นใจสภาพการเมืองในภาคใต้ ไม่มีใครกล้ามาลงทุน เกิดปัญหาด้านการว่างงานทางภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และพาณิชยกรรมของภาคใต้ อีกทั้งผลผลิตทางการเกษตรและปศุสัตว์ตกต่ำ ทำให้ไม่สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปและสำเร็จรูป กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ผ่านคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) จึงวางแผนให้เชิญชวน บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ (TPIPP) มาลงทุนสร้างเมืองต้นแบบอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคตที่ อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา โดยความเห็นชอบของครม. ตามมติ ครม.ในปี 2562 อันประกอบด้วยนิคมอุตสาหกรรม เมืองอัจฉริยะและอุตสาหกรรมก้าวหน้าแห่งอนาคต รวมทั้งโรงไฟฟ้า 3,700 MW การสร้างอุตสาหกรรมในจังหวัดชายแดนภาคใต้จะสามารถสร้างงาน ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของพื้นที่และประเทศอย่างมหาศาล และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความมั่นคงของประเทศ จะเป็นการดับไฟได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อพื้นที่มีความเจริญ ผู้คนมีงาน มีเงิน มีรายได้ ตามนโนบาย “อยู่ดี กินดี มีสุข” ของภาครัฐ ไฟใต้ก็จะสงบลง สร้างความมั่นคงใหกับประเทศ ดังนั้นโครงการนี้จึงเป็นโครงการควมมั่นคงของประเทศตามมติครม.ให้กระทรวงและหน่วยงานราขการทุกแห่งให้การสนับสนุน และให้ความสำคัญอย่างเคร่งครัดในการพิจารณา ให้ความสำคัญเป็นอันดับสูงสุดเหนือโครงการอื่น โดยต้องแก้ไขเปลี่ยนแปลงโครงการอื่นให้เหมาะสมกับโครงการนี้ ในกรณีที่มีความขัดกันเช่น ถ้าใน PDP18 เกิดความไม่ลงตัวในความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศก็ควรเลื่อน การสร้างโรงไฟฟ้า 5,000 MW ที่ยังมีปัญหาในปปช.ออกไป จนกว่า ปปช.ตัดสินเรียบร้อยแล้ว และให้ความสำคัญกับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าตามโครงการความมั่นคงของประเทศนี้มาแทนที่ไปก่อน” นายภัคพล กล่าวทิ้งท้าย
|