เสริมด้วย พี่เนส-นายอรรถกฤษณ์ พฤกษ์เลิศตระกูล ผู้สวมบทเป็น กระรอกดิน และ พี่ตามใจ-นายสุรัตน์ แก้วสีคร้าม สวมบทเป็น กระรอกโพรง สองตัวละครเอกของเรื่องได้ร่วมพูดคุย ว่า นิทานเรื่องนี้ผู้แต่งต้องการชี้ให้เห็นภัยของการพนัน คือ การสูญเสียทรัพย์สิน เป็นการสื่อสารถึงหายนะของการพนันโดยใช้วิธีตรงไปตรงมา สิ่งที่ชี้ชัดว่าเด็กๆรับรู้เรื่องภัยของการพนัน คือ เขาจะรู้ว่าครั้งแรกที่เล่นส่งผลกระทบอย่างไรกับละครอีกตัวหนึ่ง น้องรับรู้ว่ามีความเสี่ยง คือ อาจจะไม่ได้เสมอไป น้องจึงห้ามไม่ให้กระรอกดินเล่น เขาจะซึมซับและรับรู้แล้วว่าสิ่งที่เราสื่อออกไปยังเขาคืออะไร เพียงแต่เขาไม่รู้จักคำว่า พนัน เท่านั้นเอง นิทานเรื่องนี้ยังสอดแทรกเรื่องการออมการเก็บหอมรอมริบ ความขยันหมั่นเพียร ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่ควรปลูกฝังตั้งแต่วัยเยาว์ อยากฝากข้อคิดไปยังผู้ปกครอง ว่า สามารถช่วยกันได้อีกทางหนึ่งในการปลูกฝังให้เด็กรับรู้ว่า ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ทุกอย่างต้องใช้แรง ใช้ความพยายาม ใช้ความคิด ความรู้ ความสามารถจึงจะได้มา
“ใช่คะ จริงๆแล้วโรงเรียนอย่างเดียวไม่พอ ชุมชนและผู้ปกครองต้องมีส่วนร่วมด้วย ผู้ปกครองมีส่วนสำคัญมากในการช่วยดูแลเด็กๆให้เติบโตขึ้นมาเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศ การปลูกฝังค่านิยมทัศนคติที่ดีต่างๆให้กับลูกหลานตั้งแต่ยังเล็กต้องร่วมมือกันทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ชุมชน ผู้ปกครอง เรียกว่า บ้าน-วัด-โรงเรียน โดยในทุกวันศุกร์โรงเรียนจะมีกิจกรรมการเล่านิทานธรรมะ เพื่อปลูกฝัง หรือเรื่องคุณธรรมศีลธรรมอันดีงามให้กับเด็กๆ นอกจากนี้ยังมีตัวแทนจากศาสนาพุทธ คริสต์ และอิสลาม เข้าร่วมกิจกรรมด้วย
ในส่วนของผู้ปกครองทางโรงเรียนอยากให้เข้ามามีส่วนร่วมรับรู้ รับฟังว่าทางโรงเรียนได้มีการดำเนินกิจกรรมในเรื่องใดบ้าง เช่น เรื่องของสมาธิสั้น ทางโรงเรียนจะให้ความรู้และวิธีสังเกตอาการของสมาธิสั้น หากผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมกับทางโรงเรียนก็จะได้รับทราบวิธีสังเกตอาการของบุตรหลานได้ หรือแม้แต่ทางโรงเรียนสังเกตพบความผิดปกติของเด็กๆ เช่น บางคนไม่อยากมาโรงเรียนเพราะอะไร ก็จะได้มาร่วมกันช่วยป้องกันหรือแก้ไข” เป็นอีกหนึ่งเสียงของ นางบุหงา อ่อนท้วม ผอ. รร. นรรัตน์รังสฤษฏ์ ที่ต้องการสื่อสารไปยังผู้ปกครองเช่นกัน
ผอ.บุหงา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในการสร้างภูมิคุ้มกันเรื่องการพนันให้กับเด็กๆ ตั้งแต่ปฐมวัย ผ่านนิทานโดยการนำมาแสดงเป็นละคร พร้อมกับการชักชวนให้เด็กๆ มีส่วนร่วมแบบนี้เขาจะซึมซับรับรู้ได้ง่ายกว่าการมาบอกว่า การพนัน คือ อะไร ขณะเดียวกันเด็กในวัยนี้เขาสามารถรับรู้ได้ว่า อะไรคือ ดี และ ไม่ดี ที่สำคัญวัยนี้เมื่อห้ามก็เหมือนกับการไปยั่วยุให้เขาทำสิ่งนั้น เราจึงไม่ควรห้าม แต่สอดแทรกสิ่งที่ต้องการปลูกฝังให้เขารับรู้ผ่านการคิดจินตนาการไปตามวัยของเขา โดยผ่านจากสิ่งที่เด็กจะซึมซับได้ง่าย เช่น นิทาน หรือ ละคร จะทำให้เขาจดจำได้ง่ายกว่าไปบอกด้วยคำพูด และการปลูกฝังตั้งแต่เด็กแบบนี้ เขาก็จะเริ่มเรียนรู้ว่าอะไรคือการพนัน เมื่อโตขึ้น หากเขาไปเห็น เช่น การพนันออนไลน์เด็กก็จะเรียนรู้ได้ว่านี่เป็นการพนันนะ เพราะเรื่องราวลักษณะนี้ ได้ซึมซับไปในตัวเขาจากการดูละครเมื่อวัยเยาว์ “โรงเรียนก็หวังว่า สิ่งที่เด็กๆได้ซึมซับกลับไป จะเป็นอีกเสียงหนึ่งที่คอยกระตุ้นเตือนพ่อแม่ผู้ปกครองไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวการพนัน เพราะเมื่อตกเป็นทาสการพนันไปแล้ว ก็จะไม่เหลืออะไรเลยแม้กระทั่งครอบครัว” ผอ.บุหงา กล่าวในตอนท้าย
|