ขณะที่ล่าสุดทีมวิจัยคณะวิทยาศาสตร์ของม.อ. ได้ทำการศึกษาความสัมพันธ์ของระดับ Mitragynine ในเลือดกับผลกระทบต่อสมรรถภาพสมองของผู้ใช้กระท่อมเป็นประจำ ในพื้นที่ตำบลน้ำพุ อ.เภอบ้านนาสาร จ.สุราษฎร์ธานี จากกลุ่มตัวอย่างผู้ที่ไม่เคยใช้พืชกระท่อม 99 ราย และผู้ใช้พืชกระท่อมแบบวิถีชุมชนดั้งเดิมประจำกว่า 1 ปี จำนวน 192 ราย โดยได้รับการสนับสนุนทุนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ภายใต้โครงการ ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.)
สำหรับผลการทดสอบ พบว่าการใช้พืชกระท่อมแบบวิถีชุมชนดั้งเดิม ที่เคี้ยวใบสดหรือต้ม/ชงใบพืชกระท่อมแห้งเป็นประจำ ไม่ส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพด้านความคิดและการรับรู้ การทำงานระบบประสาทอัตโนมัติและการทำงานของสมอง ข้อมูลดังกล่าวเป็นประโยชน์เชิงนโยบายสู่การปลดพืชกระท่อมออกจาก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ เพราะพืชกระท่อมมีสรรพคุณที่พร้อมจะพัฒนาสู่ตำรายาไทย โดยสามารถระงับอาการปวดท้อง แก้บิด แก้ท้องเสีย ปวดเมื่อยตามร่างกาย แต่การใช้พืชกระท่อมมีทั้งคุณประโยชน์และโทษ ซึ่งควรให้ปริมาณที่เหมาะสมจะส่งผลดีต่อร่างกาย
“ม.อ. พร้อมร่วมขับเคลื่อนพัฒนาพืชกระท่อมมาใช้ประโยชน์ในการศึกษาวิจัยและการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ รวมทั้งเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป เพื่อสอดรับกับนโยบายสถาบันสำรวจและติดตามการปลูกพืชเสพติด (สพส.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กระทรวงยุติธรรม ได้ดำเนินการเรื่องพืชกระท่อมอย่างต่อเนื่อง โดยการสร้างแนวทางการทำวิจัยตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ชุมชนจนถึงระดับอุตสาหกรรม” ผศ.ดร.สมชาย กล่าว |