สวพส. จึงเข้าดำเนินงานในพื้นที่โดยใช้รูปแบบการบริหารจัดการกระบวนการมีส่วนร่วมเชิงบูรณาการจากหน่วยงานทุกระดับ มุ่งเป้าไปที่การทำให้เกษตรกรเปิดใจยอมรับและเห็นความสำคัญของปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรเริ่มจากค้นหาผู้นำชุมชนที่มีความเสียสละ มีจิตอาสา ซื่อสัตย์มีคุณธรรม โดยสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นแก่ผู้นำชุมชน ซึ่งเป็นผู้มีส่วนสำคัญในทุกขั้นตอนของการพัฒนา โดยเจ้าหน้าที่ สวพส. จะดำเนินงานร่วมกับชุมชนอย่างใกล้ชิด ทั้งรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ โดยคิดว่าชาวบ้านคือสมาชิกในครอบครัวที่สามารถให้คำปรึกษาและช่วยแก้ปัญหาได้ จนเกิดเป็นความเชื่อมั่นศรัทธาในแนวทางการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่ สวพส. และให้ความร่วมมือในทุกกระบวนการ ตั้งแต่การร่วมวิเคราะห์ปัญหาความต้องการของชุมชน กำหนดเป้าหมายและแนวทางการพัฒนา จากนั้นถ่ายทอดความรู้และให้ข้อมูลแก่ชุมชนในการปรับวิถีเกษตรจากดั้งเดิมที่มีการเผาเป็นระบบเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตามแนวทางโครงการหลวง ด้วยการปลูกข้าวโพดโดยไม่ไถพรวนและเหลื่อมด้วยพืชตระกูลถั่วหลังนา การทำคันปุ๋ยจากวัชพืชและตอซังข้าวโพด การปลูกข้าวระบบน้ำน้อย การทำปุ๋ยหมักไม่กลับกอง และส่งเสริมการปลูกผักในโรงเรือน ควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในกิจกรรมปลูกป่าและหญ้าแฝกภายใต้โครงการจิตอาสาเราทำความดี
ผลความสำเร็จ ภาพรวมสถิติการเปลี่ยนแปลง จากการเปรียบเทียบ พื้นที่ปลูกข้าวโพดในขอบเขตแผนที่ดินรายแปลงตำบลแม่จริม จากจำนวน 677 แปลง 9,711.33 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 48.18 ของพื้นที่รายแปลงทั้งหมดเปลี่ยนเป็นมีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเหลือเพียง จำนวน 179 แปลง 2,645.68 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 27.24 หรือมีสัดส่วนการลดลง 7,065.65 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 20.94 และจากข้อมูลการกระจายตัวของจุดความร้อน ปี 2561 มีจำนวน 7 จุด ซึ่งพบอยู่ในพื้นที่ป่า 2 จุด และพื้นที่เกษตร 5 จุดโดยลดลงจาก 29 จุดในปี 2555
1. ค้นหาผู้นำชุมชนที่มีจิตอาสา หัวไว ใจสู้ อันเป็นหัวใจของความสำเร็จในการดำเนินงานพัฒนา เพราะผู้นำชุมชนมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนทุกขั้นตอนของการพัฒนา
2. สร้างความศรัทธาและความพร้อมของผู้นำชุมชน สร้างความรู้และความเข้าใจแก่ผู้นำชุมชน โดยเข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับชุมชน ร่วมพบปะ พูดคุย และพาไปศึกษาเรียนรู้การดำเนินงานศูนย์โครงการหลวง
3. เจ้าหน้าที่ สวพส. ร่วมกับชุมชน ศึกษาสถานการณ์ปัญหา ความต้องการและโอกาสพัฒนาที่แท้จริงของชุมชน จัดทำแผนกลยุทธ์โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการแม่จริม และสร้างการมีส่วนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขออนุญาตใช้พื้นที่และดำเนินการพัฒนาในมิติต่าง ๆ
4. ถ่ายทอดองค์ความรู้แก่ผู้นำชุมชนและเกษตรกร โดยให้ความรู้องค์ความรู้ต่าง ๆ ของโครงการหลวงประสานงานร่วมกับนักวิชาการรายสาขาเข้ามาติดตามให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด และเรียนรู้จากฐานข้อมูลความรู้การพัฒนาพื้นที่สูงของ สวพส.
“การดำเนินการโดยการสร้างการมีส่วนร่วมของหน่วยงานและคนในชุมชน ถือเป็นแนวทางที่ดีที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดี ก่อให้เกิดความร่วมมือซึ่งกันและกัน อันเป็นปัจจัยหลักให้ชุมชนแม่จริมสามารถลดการเผา ไม่ว่าจะเป็นการเผาวัชพืชหรือเผาป่าก็ตาม ชุมชนแม่จริมจึงเป็นชุมชนที่ได้รับความสนใจและกลายเป็นชุมชนตัวอย่างในเรื่องปลอดการเผา โดยสามารถนำไปต่อยอดกับชุมชนอื่น ๆ ได้ และยังเป็นแนวทางในการลดปัญหาหมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือได้อย่างยั่งยืน” นายวิรัตน์ กล่าวส่งท้าย
|