อะไรคือเสน่ห์ของนายฮ้อย-ล่ามทรง
“ความเฟรนด์ลี่ เข้าถึงง่าย ผสมกับความบ้านๆ ที่ไม่ต้องประดิษฐ์อะไรเลย ที่สำคัญคือความเพี้ยน ความกล้า ที่จะทำ จุดนี้แหละคือเสน่ห์ที่ไปทัชใจผู้ชมส่วนใหญ่”
ซิกเนเจอร์ของนายฮ้อยและล่ามทรง
“Very Good” คำฮิตติดปาก ที่เกิดเป็นกระเเส เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นนอกบทนอกแผน ซึ่งมาจากการที่โปรดิวเซอร์ ต้องการให้ ล่ามทรงช่วยหันมาพูดอะไรก็ได้ที่ให้คนดูรู้สึกว่ามันอร่อยมาก ล่ามทรงก็หันมาพูดว่า “Very Good” เป็นคำง่ายๆ ที่ความหมายจบในตัวเลย แล้วสิ่งนี้ถูกนำมาใช้ตลอด 2-3 ปี ส่วนการตบโต๊ะของนายฮ้อย ตอนแรกที่ลอง ตั้งใจว่าจะให้ดูสนุก ขำๆ แต่กลายเป็นว่าคนชอบ แรกๆ ที่ตบโต๊ะเขาก็เขิน ช่างกล้องก็เกร็ง นายฮ้อยก็เกร็ง แต่ก็รู้สึกว่า มันก็กลายเป็นลายเซ็นต์ของพวกเขาไปแล้ว ถ้าย้อนกลับไปตอนที่คนยังไม่รู้จัก ก็รู้สึกว่าใช้ความเพี้ยนระดับนึง อย่างในโฆษณาจากแคมเปญ LINE MAN Food Hero ก็จะเห็นว่าเราเอาลายเซ็นต์และคาแรคเตอร์ของพวกเขา เข้าไปสอดแทรกในหนังโฆษณาด้วย มันคือภาพจำที่คนดูต้องร้อง อ๋อ!
หมัดเด็ดของ LINE MAN: นายฮ้อย-ล่ามทรงกับการก้าวขึ้นสู่ฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์คู่แรกของ LINE MAN
เป็นการก้าวสู่การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของคนธรรมดาที่พวกเขาเห็นว่าเรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่ นับเป็นอีก บทพิสูจน์สำคัญของเส้นทางนักรีวิวอาหารอย่าง “นายฮ้อย-ล่ามทรง” ในฐานะที่พวกเขาเป็นนักกินตัวจริง Eating Master ตัวจริงแห่งวงการอาหาร เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่มาช่วยเติมเต็มให้กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น สามารถสร้างภาพจำให้กับแบรนด์ได้ ถ้านึกถึงนายฮ้อย-ล่ามทรง ก็จะคิดถึง LINE MAN
สุดท้าย นายฮ้อย-ล่ามทรง ฝากประโยคเด็ดถึงคนไทย
เวลามีคนถามว่าทำไมเขาไม่พูด เขาบอกว่า “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด”
แน่นอนว่าความธรรมดา ความเป็นตัวจริงในสิ่งที่ทำ และคาแรคเตอร์ที่แตกต่างเป็นสูตรการสร้างตัวตน ของนายฮ้อย-ล่ามทรงจนกลายเป็นเซเลบนักรีวิวมืออาชีพ ที่ก้าวสู่การเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ LINE MAN ได้อย่างเต็มตัว นับเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสร้าง Personal Branding ให้กับเหล่า Influencer หรือ Youtuber ที่ไม่ควรมองข้าม แต่ในอนาคต นายฮ้อย-ล่ามทรง จะมีไม้เด็ดอะไรมามัดใจคนดูก็คงต้องติดตามชมกันต่อไป
|