นายแพทย์เสรี กล่าวเพิ่มเติมว่า “มารดาที่เป็นโรคโควิด 19 ต้องได้รับการดูแลในห้องหรือเต็นท์ความดันลบ ทั้งก่อนคลอด ขณะคลอดและหลังคลอด รวมทั้งห้องผ่าตัดความดันลบหากจำเป็นต้องผ่าคลอด ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยจากการแพร่กระจายเชื้อสู่ทารกและบุคลากรผู้ดูแล จากมารดาป่วยด้วยโรคโควิด-19 ทั้งหมด 55 ราย ใน รพ.ราชวิถี ได้รับการผ่าตัดคลอดประมาณครึ่งหนึ่ง ซึ่งมารดาหลายคนมีภาวะปอดบวมอย่างรุนแรง ซึ่งยากต่อการรักษากว่าผู้ป่วยอื่น ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ จำเป็นต้องใช้ยาหลายชนิดในการดูแลรักษา ซึ่งอาการของมารดาจะส่งผลกระทบต่อทารก และมารดาที่ติดเชื้อมักมีอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด หรือทำให้อาการของมารดา และ/หรือ ทารกทรุดลง จำเป็นต้องผ่าตัดคลอดฉุกเฉิน ส่งผลให้ทารกส่วนหนึ่งต้องคลอดก่อนกำหนด หรือมีภาวะขาดออกซิเจน ต้องได้รับการกู้ชีพหลังคลอด ใช้เครื่องช่วยหายใจ และมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นของทั้งมารดาและทารก หลังคลอดทารกที่มีอาการ โดยเฉพาะทารกที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจำเป็นต้องอยู่ในห้องความดันลบ แยกจากทารกอื่นเพื่อลดโอกาสแพร่กระจายเชื้อ จนกว่าจะทราบผลตรวจที่อายุ 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ จากรายงานการติดเชื้อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ มีโอกาสติดเชื้อจากมารดาค่อนข้างน้อย ประมาณ 1-3% แตกต่างกันตามรายงานในแต่ละที่ จากการที่สถาบันฯ ดูแลทารกทั้งหมด 55 ราย พบว่าอาจติดเชื้อจากมารดาตั้งแต่ในครรภ์ 1 รายซึ่งเป็นทารกส่งต่อมาจาก รพ.อื่น และทารกอีก 5 ราย ติดเชื้อจากคนในครอบครัวหลังคลอด นั่นคือสิ่งที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้และอาจเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างมากได้ ถ้าสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่น้อยลง”
ด้าน นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวถึงสภาวการณ์ปัจจุบันว่า “ในภาวะปกติ เตียงของทารกที่สถาบันฯ ซึ่งมีจำนวน 70 เตียงรองรับผู้ป่วยเต็มจำนวนเกือบตลอดเวลา แต่สถานที่ไม่พร้อมที่จะรองรับผู้ป่วยโควิด 19 ได้หากเกิดการระบาดขึ้น ทางหน่วยทารกแรกเกิดจึงได้เตรียมห้องความดันลบสำหรับผู้ป่วยทารกแรกเกิดจำนวน 2 ห้องไว้ตั้งแต่การระบาดระลอกแรกเมื่อปลายปี 2563 ซึ่งได้รับความกรุณาอย่างยิ่งจากทีมวิศวกรจุฬาฯรุ่น 75 และชุมชนคนอินเดียในประเทศไทย (Thai-Indian community) ทำให้เราสามารถให้การดูแลทารกได้อย่างดีในช่วงแรก แต่จากสถานการณ์ขณะนี้ พบว่าเตียงในห้องความดันลบที่เรามีอยู่ไม่พอต่อการรองรับผู้ป่วย ในบางช่วงมีทารกต้องใช้ห้องในเวลาเดียวกันมากกว่าที่จะรองรับได้ รวมทั้งทารกที่ติดเชื้อโควิด-19 จะใช้เวลาอยู่ใน รพ.เป็นเวลานาน 10-14 วัน ทำให้ไม่สามารถรับผู้ป่วยเพิ่มได้อีก ซึ่งจะเป็นปัญหามากในอนาคตอันใกล้ อีกทั้ง จากจำนวนทารกแรกเกิดที่ป่วยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เราจำเป็นต้องขยายเตียง ICU และ semi- ICU เพิ่มขึ้นอย่างเร่งด่วนเพื่อสามารถให้การดูแลทารกป่วยด้วยโควิด-19 ได้ จำนวน 6-8 ราย ในเวลาเดียวกัน อย่างไรก็ตาม นอกจากภาระดูแลทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นโควิด 19 ทั้งที่ รพ.ราชวิถี และสถาบันฯ เอง เรายินดีที่จะช่วยแบ่งเบาภาระ รพ.ที่ไม่สามารถดูแลทารกที่ติดเชื้อโควิด-19 ได้
ดังนั้น หลายท่านอาจได้ยินชื่อ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินีหรือรพ.เด็ก เป็นครั้งแรก แต่หลายท่านอาจรู้จักเราในฐานะที่เป็นที่พึ่งแห่งหนึ่งในการดูแลเด็กเสมอมา ในวิกฤตปัจจุบันเด็กก็มีโอกาสเจ็บป่วยได้เช่นเดียวกับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะทารกแรกเกิดมีความเปราะบางยากต่อการดูแล ขอโอกาสให้เด็กและทารกสามารถเข้าถึงการรักษา ด้วยการบริจาคของท่านเพียงคนละเล็กน้อย จะสามารถสร้างโอกาสชีวิตให้กับอนาคตของชาติ เราจะร่วมกันสู้เพื่อผ่านสถานการณ์นี้ไปด้วยกัน” นายแพทย์อดิศัย กล่าวปิดท้าย
|