ทั้งนี้ แม้จะต้องเผชิญกับความท้าทายจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่กลุ่มดุสิตธานีก็ยังมีพัฒนาการและสามารถเดินหน้าขยายธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ โดยในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 กลุ่มดุสิตธานีได้เปิดโรงแรมใหม่ภายใต้รูปแบบ White Label Hotel Managed by Dusit ที่เกาะกวม ประเทศสหรัฐอเมริกา จำนวนหนึ่งแห่ง รวมถึงเปิดตัว เทวารัณย์ เวลเนส คอนเซ็ปต์ ซึ่งเป็นแนวคิดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมใหม่ เพื่อตอบสนองเทรนด์ท่องเที่ยวใหม่ ตลอดจนปรับปรุงกิจกรรมต่างๆ และเตรียมพร้อมโรงแรมและวิลล่าเพื่อเข้าโครงการภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์และสมุยพลัส ไปจนถึงการเร่งดำเนินการฉีดวัคซีนให้พนักงาน ให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ เพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับลูกค้าและพนักงาน ส่วนธุรกิจอาหาร บริษัทฯ ได้เปิดร้านคาวาอิ เป็นแฟลกชิพ สโตร์ แห่งใหม่ในย่านอโศก ใจกลางกรุงเทพมหานคร โดยเป็นร้านสแตนด์ อะโลน แห่งแรก เพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่นิยมอาหารเพื่อสุขภาพ และสามารถสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี
สำหรับช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยเฉพาะในไตรมาส 3 (กรกฎาคมถึงกันยายน) ที่การแพร่ระบาดรุนแรงขึ้น และมีการประกาศมาตรการล็อคดาวน์แบบเข้มข้นมากขึ้นในหลายๆ จังหวัดของประเทศไทย ทำให้คาดว่า จะส่งผลกระทบกับผลประกอบการมากขึ้นนั้น ทางกลุ่มดุสิตธานีได้พยายามบริหารสถานการณ์และวางแผนเพื่อรับมือกับผลกระทบระยะยาวที่อาจจะยืดเยื้อกว่าที่คาด ด้วยการดำเนินการตามกลยุทธ์ปรับโครงสร้างทรัพย์สิน (Asset Optimization) โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงในการขายโรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่ ให้กับนักลงทุน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและทำสัญญารับจ้างบริหารโรงแรมดังกล่าวต่อไป ภายใต้แบรนด์ “ดุสิตธานี” ซึ่งรายได้และกำไรจากการขายจะรับรู้ในงบการเงินไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงบริหารจัดการด้านการเงินอย่างระมัดระวัง ด้วยการให้ความสำคัญกับการลดสัดส่วนของต้นทุน ค่าใช้จ่าย และรักษาสภาพคล่องทางการเงิน โดยล่าสุด ได้ออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่จำนวน 1,000 ล้านบาทให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นที่เรียบร้อย
“สิ่งที่เราพยายามทำในขณะที่ธุรกิจหลักมีแนวโน้มเผชิญความท้าทายมากขึ้น นอกจากจะขยายธุรกิจให้มีความหลากหลายเพื่อสร้างรายได้และผลตอบแทนแล้ว เรายังคงเดินหน้าตามแผนกลยุทธ์ในการปรับโครงสร้างทรัพย์สิน เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยเสริมสภาพคล่อง และรักษาความแข็งแกร่งทางการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า แม้ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยืดเยื้อยาวนานกว่าที่คาด แต่กลุ่มดุสิตธานียังคงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะประคับประคองธุรกิจไว้ให้ได้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและพื้นฐานที่มั่นคงของทุกภาคส่วนของบริษัท ซึ่งเราจะอดทนรอจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อที่จะกลับมาเป็นส่วนร่วมในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศให้กลับมาสดใสได้อีกครั้งในอนาคต” นางศุภจีกล่าว
|