นายอาทิตย์ ทองเจริญ Head of Intermediary Business Thailand, Schroders กล่าวว่า
“ประเทศไทยมีอัตราการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่โตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่หันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลมากขึ้น และผมคิดว่านักลงทุนไทยจะหันมาใช้บริการด้านการลงทุนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้นด้วย ดังนั้นความร่วมมือกับ Robowealth ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวสำคัญสำหรับเราที่จะได้เห็นตลาดทุนไทยพัฒนาไปจากเดิม และในขณะเดียวกันก็สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุนชาวไทยได้เช่นกัน”
ด้าน Ms. Lily Choh, Singapore Country Head, Schroders ให้ความเห็นว่า
"การร่วมมือกับ Robowealth ในครั้งนี้ เราได้ช่วยกันวางแผนกลยุทธ์ในการพัฒนาพอร์ตการลงทุน โดยมุ่งหวังให้นักลงทุนไทยได้รับประสบการณ์การลงทุนในรูปแบบดิจิทัล บนพอร์ตการลงทุนที่เหนือระดับ เราเชื่อมั่นเสมอมาว่าในอนาคต ระบบดิจิทัลจะเป็นแกนหลักของเครื่องมือในการลงทุน รวมทั้งจะเป็นตัวช่วยสำคัญในการพัฒนาโซลูชั่นด้านการลงทุนในไทย และเอเชียด้วย ในปัจจุบันข้อมูลที่ได้มาจากการวิเคราะห์ที่แม่นยำ และ Content ที่มีคุณภาพ เป็นสองสิ่งสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนอนาคตได้ ในฐานะผู้บริหารจัดการสินทรัพย์ชั้นนำระดับโลกด้วยประสบการณ์กว่า 200 ปี เราจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมโซลูชั่นที่ทันสมัยเพื่อตอบโจทย์ตามความต้องการของนักลงทุนที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เรายินดีที่ได้พบพันธมิตรด้าน Wealth Tech อย่าง Robowealth ที่มีประสบการณ์ภาคสนามที่กว้างขวางในประเทศไทย ซึ่งเราได้ผสานกำลังกันในการพัฒนาพอร์ตการลงทุนใหม่นี้ ผ่านความเชี่ยวชาญระดับโลกของเรา ให้เข้ากับข้อมูลเชิงลึกด้านการลงทุนในประเทศไทยที่ทาง Robowealth มี ซึ่งเราเชื่อว่าพอร์ตการลงทุนนี้จะช่วยให้นักลงทุนสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาวได้เป็นอย่างดี"
ชลเดชทิ้งท้ายว่า บริการ odini BLACK มีอัตราการเติบโตสูง ทั้งจากลูกค้าใหม่และลูกค้าเก่าที่เพิ่มเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ดี หลังจากเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2563 ปัจจุบัน ลูกค้าของ odini BLACK มีเงินลงทุนเฉลี่ยประมาณคนละ 1,500,000 บาท โดยที่ความร่วมมือกับ Schroders จะช่วยให้ odini BLACK เติบโตได้อย่างน้อย 2 เท่าภายใน 6 เดือน พร้อมตั้งเป้าขยายบริการดังกล่าวให้ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มภายใต้ Robowealth ในปี 65 เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนระดับโลกได้ในวงกว้าง
|