“บริษัทฯ ต้องขอขอบคุณผู้ลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ และเสียงตอบรับเป็นอย่างดีสำหรับการออกหุ้นกู้เป็นครั้งแรกของ STARK ถือเป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความสำเร็จ ตลอดจนความเชื่อมั่นในปัจจัยพื้นฐานธุรกิจผลิตสายไฟและสายเคเบิ้ลที่แข็งแกร่ง เพราะอุตสาหกรรมสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้งานทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น รวมถึงโอกาสในการขยายธุรกิจเพื่อเป้าหมายการเติบโตที่แข็งแกร่งในอนาคต” นายประกรณ์ กล่าว
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจมากกว่า 50 ปี มุ่งเน้นการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและความปลอดภัยในระดับโลก จนเป็นที่ยอมรับทั้งในระดับภูมิภาคและทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ โดยบริษัทฯ ได้วางแผนงานและวางกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างมั่นคงด้วยเป้าหมายมุ่งสู่ผู้ผลิตสายไฟฟ้าและสายเคเบิ้ลขึ้นสู่ระดับ Top Ten ของโลก
สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,252 ล้านบาท เติบโต 23.9% เมื่อเทียบจากชช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 524 ล้านบาท เติบโต 22.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรก (มกราคม-มิถุนายน) ของปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้รวม 9,908 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 963 ล้านบาท ถือเป็นการเติบโตทำสถิติสูงสุดต่อเนื่อง ผลจากยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้น จากทั้งโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างตามแผนงาน รวมถึงรับรู้ผลประกอบการของธุรกิจที่เวียดนามเข้ามา ปัจจุบัน STARK มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้
บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ในช่วงปี 2564-2565 ประมาณ 17,000-18,000 ล้านบาทต่อปี หรือเติบโต 15 - 20% จากปี 2563 ที่มีรายได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ 16,917 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นขายสินค้าในกลุ่มที่มีอัตรากำไรสูง (High Margin) โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์สายไฟแรงดันระดับกลางถึงระดับสูงพิเศษเพื่อรองรับงานโครงการของภาครัฐและเอกชน รวมถึงใช้ประโยชน์จากโรงงานในเวียดนามที่เปรียบเชิงการบริการจัดการด้านต้นทุน เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรรวมถึงเดินหน้าปรับลดต้นทุนต่างๆ ในทุกด้าน ซึ่งคาดว่าระดับหนี้สินทางการเงินของบริษัทฯน่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นคาดว่าจะลดลงเหลือ 3.5-4 เท่า พร้อมกันนี้ได้วางเป้าหมายขยายตลาดส่งออกเป็น 50 ประเทศภายในปี 2564 จากปีที่ผ่านมาส่งออก 40 ประเทศ เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ส่งออกเป็น 10-12% จากปีก่อนอยู่ที่ 8%
|