"กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พรินซิเพิล-สมดุลตามอายุ (Principal Target Date Retirement Fund)" จึงออกแบบมาสำหรับคนทำงานประจำที่ไม่ค่อยมีเวลาและประสบการณ์ด้านการลงทุนมากนัก โดยได้แบ่งนโยบายการลงทุนที่เหมาะกับกลุ่มคน ตั้งแต่เริ่มต้นทำงานไปจนถึงวัยเกษียณอายุ มีการปรับพอร์ตแบบอัตโนมัติตามอายุ และเมื่อมีอายุเพิ่มขึ้นก็จะลดสัดส่วนในการลงทุนสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นลง และมาลงทุนในตราสารหนี้เพิ่มขึ้น ก็จะช่วยทำให้สมาชิกกองทุนมีระดับความเสี่ยงการลงทุนที่เหมาะสมตลอดอายุการลงทุน
ในการลงทุนนั้นสมาชิกสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่กำหนดปีที่ต้องการเกษียณอายุ ผู้จัดการกองทุนก็จะจัดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมตามช่วงวัยของสมาชิกแบบอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง คอยปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด และพร้อมปรับพอร์ตการลงทุนด้วยเทคนิค Rebalancing Portfolio เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสมาชิกได้ลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่เหมาะสมกับตัวเอง ทำให้สมาชิกไม่ต้องมาคอยปวดหัวจัดพอร์ตการลงทุนเอง
และมีนโยบายการลงทุนแบบ TD_P สำหรับสมาชิกที่เกษียณอายุแล้ว ซึ่งจะมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ให้สูงขึ้น เพื่อเน้นการรักษาเงินต้น ซึ่งสมาชิกสามารถทยอยถอนเงินลงทุนเป็นงวดๆ ออกจากกองทุนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้
บริษัทจัดการดูแลสมาชิกโดย
• คัดเลือกประเภทของสินทรัพย์ (Asset Class Selection) ให้เหมาะสมกับคนไทย ด้วยการคัดเลือกสินทรัพย์หลายประเภทผสมในพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความเสี่ยงและสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดีให้กับพอร์ตการลงทุน
• ปรับพอร์ตการลงทุนระยะยาว (Strategic Asset Allocation) ปรับลดความเสี่ยงของพอร์ตให้อัตโนมัติ ด้วยการสร้างกรอบการลงทุนปรับให้สมดุลตามอายุ ตาม Glide Path เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนการลงทุนที่สูงในวัยเริ่มทำงาน และทยอยปรับลดความเสี่ยงเมื่อใกล้วัยเกษียณอายุ
• ปรับกลยุทธ์การลงทุนตามสภาวะตลาด (Tactical Asset Allocation) โดยผู้จัดการกองทุนปรับเพิ่มหรือลดน้ำหนักการลงทุนในแต่ละกลุ่มหลักทรัพย์ภายในกรอบสัดส่วนการลงทุนที่กำหนด เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น โดยการคาดการณ์ภาวะตลาดและผลตอบแทนการลงทุนในระยะสั้น (12-18 เดือน)
• สร้างวินัยการลงทุนด้วยเทคนิค Rebalancing Portfolio โดยการปรับสัดส่วนการลงทุนให้สมาชิกอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้สมาชิกมีความเสี่ยงมากกว่าที่ยอมรับได้
นอกจากนั้น บลจ. พรินซิเพิล จำกัด ยังมีรูปแบบ “สมดุลตามความเสี่ยง (Target Risk)” ภายใต้กองทุนเดียวกัน ซึ่งสมาชิกสามารถเลือกนโยบายการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่สมาชิกรับได้ มีแผน Do-it-yourself (DIY) ที่ให้สมาชิกผสมสัดส่วน และเลือกสินทรัพย์ที่ต้องการจะลงทุนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนโยบาย Target Risk นี้ จะเหมาะสมกับผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องการลงทุนพอสมควร และมีเวลาติดตามภาวะเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอ
Target Risk มีทั้งสิ้น 8 กองทุนย่อยที่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มการลงทุน คือ
1. กลุ่มตราสารหนี้ ลงทุนในหรือมีไว้ซึ่ง ตราสารหนี้ระยะสั้น (TR_iDAILY) อายุเฉลี่ยประมาณ 3 เดือน ตราสารหนี้ (TR_iFIXED) อายุเฉลี่ยประมาณ 2 ปี ที่เสนอขายทั้งในประเทศและ/หรือต่างประเทศ ออกโดยภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ สถาบันการเงิน
2. กลุ่มตราสารทุนในประเทศ ลงทุนใน หุ้นไทย (TR_TEQ) ตราสารทุนที่มีปัจจัยพื้นฐานดี หรือเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ หุ้นไทย (TR_TDIF) ตราสารแห่งทุนหรือหุ้นสามัญของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ที่มีปัจจัยพื้นฐานดีและมีแนวโน้มการเติบโตในทางธุรกิจ หรือบริษัทที่มีประวัติการจ่ายเงินปันผลที่ดี หุ้นไทย (TR_SET50) มีลักษณะเป็นการบริหารกองทุนเชิงรับ (Passive Management) เพื่อสร้างผลตอบแทนให้เป็นไปตามการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50
3. กลุ่มตราสารทุนต่างประเทศ คือ ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน หุ้นต่างประเทศ (TR_GEQ) และ/หรือ กองทุน Exchange Traded Fund (ETF) ในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก หรือในบางช่วงเวลาอาจเน้นลงทุนเฉพาะประเทศ ขึ้นอยู่กับสภาวะการลงทุนในแต่ละช่วงเวลาตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน และ หุ้นต่างประเทศ (TR_GOPP) ที่มีนโยบายการลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียวคือ Morgan Stanley Investment Funds Global Opportunity Fund (กองทุนหลัก)
4. กลุ่มการลงทุนทางเลือก กองทุนอสังหาริมทรัพย์ (TR_iPROP) มุ่งลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หน่วยทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) หน่วยของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ในหมวดพัฒนาอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (กองทุน Infra)
บลจ. พรินซิเพิล จำกัด มีระบบ Online Service ทาง Website และ Application สำหรับสมาชิก รวมทั้ง โปรแกรม Plan WISE Retire WELL ที่จะช่วยทำให้ทุกคนสามารถประมาณการเงินเกษียณของตัวเองได้ พร้อมกับคำนวณ Retirement Wellness score หรือ Replacement ratio ของสมาชิกให้ด้วย เพียงกรอกข้อมูลก็รู้ผลโดยทันทีว่า ณ วันเกษียณเราจะมีเงินเท่าไหร่ เพียงพอหรือไม่ แล้วถ้าเกิดไม่เพียงพอขึ้นมา ก็สามารถลองปรับเปลี่ยนจำนวนเงินสะสม รวมนโยบายการลงทุนต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าสมาชิกจะสามารถเกษียณอายุได้อย่างเหมาะสม และมีคุณภาพตามที่ตั้งใจไว้
สิทธิประโยชน์ ลดหย่อนภาษีได้
· ข้อดีของการลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพคือ ผลตอบแทนจากการลงทุนจะได้รับยกเว้นภาษีทั้งหมดและที่สำคัญมีผู้จัดการกองทุนมืออาชีพคอยดูแลพอร์ตการลงทุนให้
· การหักเงินสะสมเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถนำจำนวนเงินดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีได้ตามจริง โดยรวมกับประกันชีวิตแบบบำนาญ กองทุนเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) และกองทุนเพื่อการออม (SSF) ได้ไม่เกิน 500,000 บาท (ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร)
|