“เจตนารมณ์ของยูพีเอสที่แน่วแน่และมุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งเป็นตัวกำหนดทิศทางให้เราเน้นไปที่โซลูชันที่ทันสมัยและให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน ศูนย์นวัตกรรมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย เพื่อจินตนาการและพลิกนิยามของชีวิตวิถีใหม่ให้กับลูกค้าของเราในเอเชีย รวมไปถึงในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก”
ฐานขับเคลื่อนของห่วงโซ่อุปทานแห่งอนาคต
ศูนย์นวัตกรรมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็นโซนต่างๆ ได้แก่ คลังสินค้าจำลองสำหรับใช้สาธิตเทคโนโลยีล่าสุดแบบเรียลไทม์ ตลอดจนพื้นที่ในคลังสินค้าจริงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำร่องการทำงานร่วมกับลูกค้าในทางปฏิบัติโดยเฉพาะ
ยูพีเอสมุ่งหวังให้ศูนย์นวัตกรรมแห่งนี้เป็นสถานที่ทดสอบเพื่อสำรวจและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยถูกใช้ในวงกว้างมาทดลองใช้ โดยร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับลูกค้าและพันธมิตรชั้นนำในแวดวงเทคโนโลยี ในการประยุกต์ใช้นวัตกรรมต่างๆ เช่น หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) ระบบบ่งชี้ด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (RFID) และโดรน เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยลดช่องว่างด้านประสิทธิภาพภายในห่วงโซ่อุปทาน และปรับปรุงการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ทั้งขาเข้าและขาออก การดำเนินการตามคำสั่งซื้อ และการตรวจสอบสินค้าคงคลัง ให้บรรลุประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
เซบาสเตียน ชาน กล่าวว่า "ในธุรกิจที่มีความซับซ้อนไม่ต่างจากการจัดการห่วงโซ่อุปทานเช่นนี้ ความร่วมมือเป็นสิ่งสำคัญ จากการทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรม เช่น Geek+ ทำให้เรามีนวัตกรรมต่างๆ ที่ช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถใช้โซลูชันดิจิทัลเพื่อเพิ่มมูลค่าในทุกขั้นตอนของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ยูพีเอสเป็นผู้ให้บริการเจ้าแรกที่ติดตั้งและใช้งานหุ่นยนต์หยิบของ Geek+ RoboShuttle® RS-5 ในประเทศสิงคโปร์ โดยหุ่นยนต์ดังกล่าวมีความสามารถในการหยิบของแบบ Bin-to-Person ที่อาศัยความลึกพิเศษ ซึ่งช่วยประหยัดพื้นที่คลังสินค้าได้เกือบ 50% และใช้อัลกอริธึมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการวิเคราะห์คำสั่งซื้อและการตั้งเวลาหุ่นยนต์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ความแม่นยำ และความจุของคลังสินค้าในภาพรวม
ในการดำเนินงานคลังสินค้า การใช้หุ่นยนต์ขนถ่าย-เคลื่อนย้าย Geek+ P800 สำหรับการยกของหนักและการเคลื่อนไหวแบบจุดต่อจุด ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี RFID ในการสแกนพัสดุหลายชิ้นพร้อมกันภายในเสี้ยววินาที ทำให้ธุรกิจได้รับประโยชน์จากกระบวนการทำงานที่เร็วขึ้น ซึ่งนำไปสู่การบรรลุจำนวนงานที่สูงขึ้นได้โดยใช้เวลาน้อยลง
“ความเข้ากันรวมถึงลักษณะที่สามารถประกอบและถอดออกมาได้ง่ายของเทคโนโลยี AMR และ RFID จะเปิดโอกาสให้ธุรกิจจากทั่วทั้งภูมิภาคสามารถเข้ามาร่วมมือกับยูพีเอสและพันธมิตรของเราได้ เพื่อสำรวจและทดลองใช้วิธีการต่างๆ ในการปรับระบบการทำงานให้เป็นอัตโนมัติและเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานตามความต้องการเฉพาะ” ชานกล่าวเสริม
เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมให้พอร์ทัล UPS Supply Chain Symphony™ ของยูพีเอสสมบูรณ์ยิ่งขึ้น โดยเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงอีโคซิสเต็มดิจิทัลที่ครอบคลุม และการมองเห็นทุกกระบวนการของห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นจนจบแบบแทบจะเรียลไทม์
ทั้งนี้ แผนการในอนาคตสำหรับศูนย์นวัตกรรมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังรวมไปถึงการร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อดำเนินการวิจัยเทคโนโลยีห่วงโซ่อุปทานในเชิงลึก การแบ่งปันแนวทางปฏิบัติของธุรกิจ และการขยายศูนย์นวัตกรรมของยูพีเอสไปยังภูมิภาคอื่นๆ ของโลก
|