นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความร่วมมือครั้งนี้ว่า "โรงพยาบาลต่างๆ มีการใช้พลังงานจำนวนมากในการให้บริการทางการแพทย์ตลอด 24 ชั่วโมง โดยโรงพยาบาลในชุมชนมีแนวโน้มการขยายการให้บริการตามแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ (Service plan) ของโรงพยาบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงโดยสะดวกของประชาชน อย่างไรก็ตาม การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาลชุมชนในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการบริการและโอกาสในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพที่ดีได้ ดังนั้น โครงการนี้ จึงสามารถช่วยสนับสนุนภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขได้อย่างชัดเจน ด้วยการสร้างแหล่งพลังงานที่มีความยั่งยืนให้แก่โรงพยาบาล อีกทั้งยังสามารถส่งเสริมเป้าหมายยุทธศาสตร์ของรัฐบาลในการนำพาประเทศไทยก้าวไปสู่สังคมคาร์บอนสมดุลด้วย”
นายสุทธิพงษ์ เฉลิมเกียรติ ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารจัดการความยั่งยืน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือภายใต้โครงการ “Solar For Lives: พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า” กฟผ. ได้สนับสนุนการดำเนินการ พร้อมให้คำแนะนำเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการบำรุงรักษาเซลล์แสงอาทิตย์ รวมถึงสนับสนุนกระบวนการออกใบรับรองสิทธิในการเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate หรือ REC) ซึ่ง กฟผ. ได้รับสิทธิ์ให้เป็นผู้ดำเนินการซื้อขายสิทธิ์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพียงรายเดียวของประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการของบริษัทข้ามชาติที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งต้องการใช้ไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานสีเขียว (กลุ่มบริษัท RE100) นอกจากนี้ในอนาคต กฟผ. จะร่วมทำกิจกรรมเพื่อสังคมกับ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ต่อไปด้วย
ทั้งนี้ กฟผ. พร้อมผลักดันเป้าหมายของประเทศไทยที่มุ่งสู่พลังงานสะอาดและได้กำหนดนโยบายมุ่งสู่ “EGAT Carbon Neutrality” ภายในปี ค.ศ. 2050 ภายใต้กลยุทธ์ “Triple S” คือ 1.Sources Transformation ด้วยการกำหนดสัดส่วนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยบูรณาการนวัตกรรมด้านพลังงานหมุนเวียนให้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับเขื่อนพลังน้ำและระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 5,325 เมกะวัตต์ ในปี พ.ศ. 2580 2.Sink Co-creation หรือการดูดซับเก็บกักคาร์บอนอย่างมีส่วนร่วม อาทิ กฟผ. พร้อมพันธมิตรตั้งเป้าปลูกป่าจำนวน 1 ล้านไร่ ภายใต้โครงการปลูกป่า 1 ล้านไร่อย่างมีส่วนร่วม ภายในระยะเวลา 10 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2565 – 2574 และ 3.Support Measures Mechanism คือ กลไกการสนับสนุนโครงการชดเชยและหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นรูปธรรม โดย กฟผ. ดำเนินโครงการส่งเสริมให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความต้องการใช้ไฟฟ้าและช่วยหลีกเลี่ยงการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการผลิตไฟฟ้า อาทิ โครงการฉลากเบอร์ 5
สำหรับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) ในฐานะอีกหนึ่งพันธมิตรของโครงการจะให้การสนับสนุนความร่วมมือด้านเทคนิคและวิชาการเกี่ยวกับ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และให้ข้อมูลของกระบวนการและหลักเกณฑ์การขอขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program: T-VER)
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก กล่าวถึงบทบาทและภารกิจขององค์การว่า “อบก. เป็นองค์กรสนับสนุนหลักในการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกให้ประเทศไทย มุ่งสู่เศรษฐกิจสังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน (Driving Ambition for Carbon Neutrality) โดยมีการผนึกกำลังความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคท้องถิ่น/ชุมชน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศตามเจตนารมณ์ภายใต้ความตกลงปารีส และเป็นหน่วยงานให้การรับรองคาร์บอนเครดิตเพียงองค์กรเดียวในประเทศ ซึ่ง อบก. ได้พัฒนาโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) หรือ “โครงการ T-VER” ขึ้น เพื่อเป็นกลไกในการส่งเสริมให้เกิดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในประเทศ ซึ่ง อบก. จะเป็นผู้ให้การขึ้นทะเบียนโครงการ และรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลด/กักเก็บได้ ในหน่วย “ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า” หรือเรียกว่า “คาร์บอนเครดิต” โดยสามารถนำไปแลกเปลี่ยน หรือ ซื้อ-ขาย เพื่อนำไปใช้ในการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากองค์กร งานอีเวนต์ ผลิตภัณฑ์ หรือบุคคลได้
ทั้งนี้ การลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการส่งมอบและติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ ให้กับโรงพยาบาลชุมชน ระหว่างบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับท้องถิ่น และยังเป็นการช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้าให้กับโรงพยาบาลชุมชนอีกด้วย ซึ่งกิจกรรมนี้สามารถพัฒนาเป็นโครงการ T-VER และขอรับรองคาร์บอนเครดิตได้”
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มีบทบาทสำคัญในการสร้างสังคมคาร์บอนสมดุล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และด้วยนโยบายดังกล่าว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น คาดว่าจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 40% จากการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และจากการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น และการเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 50% จากยอดจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิทั้งหมดในปี พ.ศ. 2573
|