สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 เติบโตอย่างแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเช่นกัน โดยมีรายได้จากการขาย 35,145 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสำหรับงวด 2,115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 5,409 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่มากขึ้นในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และบรรจุภัณฑ์อาหาร (Foodservice Products) โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปลายปี รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายประเทศ รวมถึงการรวมผลประกอบการของบริษัทที่ทำ M&P ได้แก่ Go-Pak, Duy Tan, Intan Group และ Deltalab
ส่วนภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคอาเซียนช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศเวียดนาม ประเทศอินโดนีเซีย ประเทศฟิลิปปินส์ และประเทศมาเลเซีย ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการบริโภคที่ฟื้นตัวหลังจากรัฐบาลประเทศต่าง ๆ ผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด 19 โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและซัพพลายเชนทยอยฟื้นตัวใกล้เคียงภาวะปกติ ในขณะที่ราคาเยื่อกระดาษปรับลดลงจากประเทศผู้นำเข้ารายหลัก
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทเสนอที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีพิจารณาการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานของปี 2564 ในอัตรา 0.65 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้บริษัทได้จ่ายเป็นเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท เมื่อวันพุธที่ 25 สิงหาคม 2564 และจะจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้ายใน 0.40 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 25 เมษายน 2565 ตามรายชื่อ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิรับเงินปันผล ในวันที่ 7 เมษายน 2565 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือ วันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 5 เมษายน 2565
นายวิชาญ กล่าวต่อว่า ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและการบริโภคในปี 2565 จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด 19 ในประเทศต่าง ๆ ส่วนค่าระวางเรือขนส่งจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ภาวะเงินเฟ้อจะเป็นปัจจัยกดดันภาคการผลิตและการบริโภค อย่างไรก็ตาม SCGP มีความมุ่งมั่นโดยวางเป้าหมายรายได้จากการขายในปีนี้ที่ 140,000 ล้านบาท ซึ่งมีปัจจัยมาจากการรับรู้รายได้เต็มปีจากดีลที่ควบรวมกิจการในปีที่ผ่านมาและโครงการขยายกำลังการผลิตที่จะแล้วเสร็จในปีนี้ อีกทั้งบริษัทฯ ได้วางแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องภายใต้งบลงทุน 5 ปี ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ทั้งในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักของ SCGP รวมถึงพิจารณาโอกาสขยายการลงทุนที่เหมาะสมในภูมิภาคอื่น ๆ
นอกจากนี้ SCGP ยังคงดำเนินธุรกิจโดยมีสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เป็นกรอบแนวคิดสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่ง โดยในปี 2564 บริษัทฯ ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment หรือ THSI) จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Awards จาก SET Awards 2021 และได้รับการจัดให้อยู่ในลำดับ Gold Medal จาก EcoVadis Sustainability Rating และเพื่อยกระดับนโยบายด้าน ESG บริษัทฯ ได้กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 ด้วย
|